ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เสี่ยงอันตรายแต่ต้องทน
ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เสี่ยงอันตรายแต่ต้องทน
วันที่ต้องไปโรงเรียน น้องบิ๊กและพี่ชายต้องตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อคัดแยกขยะเตรียมไปขาย จากนั้นจึงเดินทางไกลเกือบ 1 กิโลเมตรไปรอรถที่ปากทาง เพื่อลดค่ารถโรงเรียนจาก 700 บาท เหลือ 600 บาทต่อเดือน ส่วนวันหยุดก็ต้องตระเวนขี่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงไปเก็บขยะกับตาและพี่ชาย บางครั้งต้องขี่เป็นระยะทางไกลกว่า 20 กิโลเมตรเพื่อส่งตาไปโรงพยาบาลเพราะเป็นเสาหลักเพียงคนเดียวในบ้านที่ยังพอแข็งแรง “ทุกครั้งที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตาก็จะเจ็บขาจนทนไม่ไหว ถ้าไปไกลน้องบิ๊กก็ต้องขี่รถไปให้ เค้ายังเด็กประคองรถแทบไม่ไหว ตาเป็นห่วงแต่ไม่รู้จะทำยังไง” ตาของน้องบิ๊กพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
ฝันเลือนลางบนเส้นทางขรุขระ “โตขึ้นผมจะเป็น ช่างภาพ”
ฝันเลือนลาง
บนเส้นทางขรุขระ
“โตขึ้นผมจะเป็น ช่างภาพ”
ทุกครั้งที่เก็บขยะมาขาย น้องบิ๊กจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการคำนวณอย่างคล่องแคล่วโดยใช้วิชาคณิตศาสตร์ที่เขาชอบ เมื่อถามถึงความฝันในอนาคต น้องบิ๊กทำได้แต่หยิบกล้องเก่าๆ ที่ชำรุดของตาออกมาดูและบอกว่า “โตขึ้นผมอยากเป็นช่างถ่ายภาพครับ” แล้วก้มหน้าก้มตาคัดแยกขยะต่อไป แม้จะมีความฝันไปไกล แต่ภาระที่หนักเกินวัยทำให้น้องบิ๊กได้แต่ทำหน้าที่เสาหลักของบ้านให้ดีที่สุด
เร่งช่วยเหลือเมื่อวิกฤต พลิกชีวิตให้ดีขึ้นในระยะยาว
เร่งช่วยเหลือเมื่อวิกฤต
พลิกชีวิตให้ดีขึ้นในระยะยาว
ไม่ควรมีเด็กคนไหนต้องเสี่ยงภัยบนท้องถนน แม้จะยากจนและสภาพครอบครัวบีบคั้น ครอบครัวน้องบิ๊กเป็นหนึ่งเรื่องเร่งด่วนที่โครงการอุปการะเด็กของมูลนิธิฯ วางแผนแก้ปัญหาทันที เบื้องต้นสนับสนุนให้ครอบครัวได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปโรงพยาบาลของตา-ยาย รวมทั้งได้ประสานงานกับผู้นำชุมชนในการจัดหาผู้รับ-ส่งในยามจำเป็น เพื่อให้น้องบิ๊กไม่ต้องขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงทางไกลอีก นอกจากนี้ ยังวางแผนเสริมการทำเกษตรครัวเรือน เป็นแหล่งอาหารปลอดภัยที่บ้าน และเพื่อการสร้างรายได้เสริมนำผลผลิตไปขายที่โรงเรียนให้ครอบครัวของน้องบิ๊กมีรายได้เพิ่มขึ้น
ในช่วงเวลาวิกฤต ชีวิตของเด็กยากไร้อีกมากยังต้องเสี่ยงภัยเกินวัย ขอท่านโปรดปันน้ำใจช่วยชีวิตเด็กยากไร้ด้วยการสนับสนุน “โครงการอุปการะเด็ก” วันนี้