.
ค.ศ.1972: ก้าวแรกในประเทศไทยของศุภนิมิตสากล
ศุภนิมิตสากลได้เข้ามาดำเนินงานช่วยเหลือและให้ความอุปการะเด็กกำพร้าที่จังหวัดอุดรธานี และขยายการดำเนินงานเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัดต่างๆ โดยเน้นงานด้านการสงเคราะห์เด็กและการบรรเทาทุกข์เป็นภารกิจหลัก
ค.ศ.1974 : ก่อตั้ง “มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย”
ได้มีการจดทะเบียนเป็นมูลนิธิสาธารณกุศลอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 1974 ในชื่อ “มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย” ดำเนินงานให้ความช่วยเหลือในค่ายผู้ลี้ภัย ชาวไทยภูเขา และโครงการอุปการะเด็ก โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากผู้บริจาคและผู้อุปการะต่างชาติ ผ่านการระดมทุนจากองค์กรร่วมพันธกิจศุภนิมิตสากล
ค.ศ.1980 : ปรับบทบาท ลดการสงเคราะห์ เพิ่มการส่งเสริมและพัฒนา
ลดบทบาทการทำงานให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเหลือเพียงการช่วยเหลือด้านสุขอนามัย และการพัฒนาอาชีพตามศูนย์อพยพต่างๆ และปรับเปลี่ยนการดำเนินงานโดยเน้นการพัฒนาชุมชน มีพื้นที่ดำเนินงานทั้งในชนบทและในเขตเมือง
ค.ศ.1990 : เปลี่ยนแปลงชีวิตเด็ก สู่ความอยู่ดีมีสุข
ปรับรูปแบบการดำเนินงานโดยให้ความช่วยเหลือและพัฒนาเด็ก ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ครอบครัวสามารถเลี้ยงดูตนเองได้ และการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในแต่ละชุมชน เพื่อให้เด็ก ครอบครัว และชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยมี “โครงการอุปการะเด็ก” เป็นโครงการหลัก และมีโครงการพัฒนาอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของแต่ละชุมชน เช่น ปัญหาโรคเอดส์ การยับยั้งการแพร่เชื้อมาลาเรีย รวมถึงการยุติโรควัณโรค
ค.ศ.1993 : รณรงค์และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมจากประชาชนคนไทย
เริ่มงานระดมทุนจากผู้อุปการะและผู้บริจาคภายในประเทศไทย พร้อมกับการรณรงค์และสร้างการมีส่วนร่วมจากประชาชนไทยในการร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเด็ก ครอบครัว และชุมชนยากไร้ร่วมกัน
ค.ศ.2011 : องค์กรพัฒนายอดเยี่ยมแห่งปี
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็น องค์กรพัฒนาเอกชนยอดเยี่ยมแห่งปี ประจำปี 2011 โดยสถาบันคีนันแห่งเอเชีย (K.I. Asia)
ปัจจุบัน : ‘เด็กยากไร้’ เป็นหัวใจหลักของการทำงานพัฒนาและการให้ความช่วยเหลือ
มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้รับการสนับสนุนจากผู้อุปการะและผู้บริจาคภายในประเทศ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 80 ของเงินบริจาคสำหรับการดำเนินงานทั้งหมด มีพื้นที่ดำเนินงาน 79 โครงการ ใน 42 จังหวัด ครอบคลุมทุกภาคของประเทศ ทุกการดำเนินงานมุ่งเน้นการพัฒนาและให้ความช่วยเหลือเด็กสู่ความอยู่ดีมีสุข
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรคริสเตียนร่วมพันธกิจ มีเจตจำนงที่จะ ‘ดำเนินตามแบบอย่างขององค์พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ในการทำงานร่วมกับคนยากไร้ และด้อยโอกาส ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ดีขึ้น แสวงหาความยุติธรรม และเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐแห่งแผ่นดินของพระเจ้า’มูลนิธิศุภนิมิตฯ มุ่งมั่นดำเนินพันธกิจด้วยแนวทางที่ผสมผสานและครบบริบูรณ์ อันได้แก่
1. การพัฒนาชุมชนสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิต
: มีฐานที่ชุมชนมีลักษณะยั่งยืน และเน้นความต้องการที่จำเป็นของเด็กเป็นพิเศษ
2. การบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน
: การช่วยคนผู้ประสบทุกข์ภัยจากความขัดแย้งหรือวินาศภัย
3. การส่งเสริมความยุติธรรมในสังคม
: แสวงหาความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้ยากไร้ที่เราทำงานด้วย
4. การร่วมพันธกิจกับคริสตจักร
: ช่วยเหลือคริสตจักรในการทำพันธกิจของตนเองให้สมบูรณ์
5. การเสริมสร้างจิตสำนึกแก่มวลชน
: ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องในการให้ การมีส่วนร่วม และการอธิษฐาน
6. การเป็นพยานเพื่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้า
: โดยการดำเนินชีวิตที่เป็นแบบอย่างที่ดี ในด้านการกระทำ คำพูด หมายสำคัญคือพระกิตติคุณขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า การดำเนินพันธกิจที่จะสนับสนุนให้ประชาชนตอบสนองต่อพระกิตติคุณขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า
“เรามุ่งเน้นการพัฒนาเด็ก ครอบครัว และชุมชนสงเคราะห์ เพื่อให้เกิดการพัฒนาเปลี่ยนแปลงชีวิต”
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรคริสเตียนเพื่อการพัฒนาและสาธารณกุศล ที่ดำเนินพันธกิจด้านต่างๆ ในกระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้ ด้อยโอกาสในสังคม และผู้ที่ดำเนินชีวิตในภาวะยากลำบาก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเด็ก ครอบครัว ชุมชน และผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ มูลนิธิฯ จะปฏิบัติตามแบบอย่างขององค์พระเยซูคริสตเจ้า ในการสำแดงความรัก ความเมตตา และการช่วยเหลือสงเคราะห์ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิต และตอบสนองความต้องการของพี่น้องคนไทย ไม่ว่าอยู่ใกล้หรือไกล ในเมืองหรือชนบท ด้วยการให้ความช่วยเหลือสนับสนุน และร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ เอกชน คริสตจักร สถาบันต่างๆ และผู้มีจิตกุศลทั้งหลาย เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดขององค์กร มูลนิธิฯ ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นองค์กรสาธารณกุศล เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 1974 เพื่อดำเนินพันธกิจในทุกภูมิภาคของประเทศไทย
พันธกิจการพัฒนาชุมชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงชีวิต
: มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ดำเนินงานพัฒนาและอุปการะเด็กยากไร้ ด้อยโอกาส ในรูปแบบ ‘การพัฒนาชุมชนเป็นพื้นที่แบบพึ่งตนเองและยั่งยืน’ โดยมี ‘เด็ก’ เป็นหัวใจสำคัญของพันธกิจ ให้การสนับสนุนช่วยเหลือปัจจัยทางด้านการศึกษา การดูแลทางด้านอนามัย การพัฒนาจิตใจ จริยธรรม และการส่งเสริมพัฒนาอาชีพให้แก่เด็กและครอบครัว
พันธกิจการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน
: มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้ให้การช่วยเหลือบรรเทาทกุข์แก่ผู้ประสบภัย ทั้งภัยอันเกิดจากธรรมชาติหรือภัยจากการกระทำของมนุษย์ โดยให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยทั้งในเบื้องต้นและภายหลังจากเหตุการณ์ตามความเหมาะสมเพื่อฟื้นฟูสู่ภาวะปกติ และพัฒนาให้เขาสามารถพึ่งพาตนเองต่อไปได้
พันธกิจการส่งเสริมความยุติธรรมในสังคม
: มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้สนับสนุน ส่งเสริม และให้ความรู้แก่บุคคล กลุ่มเป้าหมาย ผู้นำชุมชน คนในชุมชน และผู้นำคริสตจักร ในการร่วมมือกันตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในสังคม ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเด็กและผู้ยากไร้ โดยประสานงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการดำเนินงานโครงการพิเศษต่างๆ
พันธกิจการสนับสนุนและร่วมพันธกิจกับคริสตจักร
: มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้สนับสนุนให้คริสตจักรในท้องถิ่นมีบทบาทในการแพร่ธรรมและปลูกฝังจริยธรรมที่ดีให้แก่เด็กและคนในชุมชน โดยการเสริมสร้างทักษะแก่ผู้นำคริสตจักร เชิญชวนให้คริสตจักรมีส่วนร่วมในพันธกิจการช่วยเหลือผู้ยากไร้ด้อยโอกาสในสังคม อีกทั้งสนับสนุนให้คริสตจักรมีบทบาทในงานให้บริการแก่ชุมชนด้วย
พันธกิจการเสริมสร้างจิตสำนึกแก่มวลชน
: มูลนิธิศุภนิมิตฯ เชิญชวนให้มวลชนชาวไทยได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม โดยมูลนิธิฯ จะเป็นผู้สานต่อสายใยแห่งการแบ่งปันนั้นไปสู่เด็กและผู้ยากไร้ด้อยโอกาสในโครงการต่างๆ
เราเป็นคริสตชน
: เรายอมรับความเป็นเอกภาวะของพระผู้เป็นเจ้า คือ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในพระเยซูคริสต์นั้น เราและมวลมนุษย์จึงได้รู้จักความรัก ความเมตตา และพระคุณพระเจ้าจากความรักอันสมบูรณ์ และท่วมท้นของพระองค์นี้เอง ที่เราได้ตระหนักถึงการทรงเรียกให้ร่วมดำเนินพันธกิจของพระองค์ท่ามกลางเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย
เราจรรโลงคุณค่าของคน
: เราถือว่า ‘คน’ เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงสร้างและทรงรัก เราจึงให้ความสำคัญแก่คนก่อนทรัพยากรอื่นๆ พระเจ้าได้โปรดประทานให้คนมีศักยภาพที่เป็นคุณประโยชน์ทั้งปวง ที่จะผดุงศักดิ์ศรีแห่งการทรงสร้างของพระเจ้าไว้ เราจะเคารพในเกียรติ ศักดิ์ศรี เอกลักษณ์ และคุณค่าอันแท้จริงของแต่ละบุคคล และเราจะดำเนินการโดยกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง และต่อเนื่องในการดำเนินพันธกิจในรูปแบบต่างๆ
เรามีฉันทะภาระร่วมกัน
: เราเป็นสมาชิกและมีฉันทะภาระร่วมกันในองค์กรศุภนิมิตสากล การมีฉันทะภาระกันนี้เกินคำจำกัดความของกฎหมาย โครงสร้าง และขอบเขตทางวัฒนธรรมของแต่ละชาติ เพราะเรายอมรับพันธะของการมีส่วนร่วมของกันและกัน มีวัตถุประสงค์เดียวกัน ตลอดจนรับผิดชอบร่วมกัน ในขณะที่เราเคารพในความเป็นปัจเจกชนของกันและกัน เรายังเทิดทูนความมีน้ำใจและการพึ่งพาอาศัยกันในการกระทำคุณงามความดีนี้ร่วมกัน เรายังเปิดกว้างในการร่วมมือกับองค์กรที่ทำการให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อื่น และยินดีที่จะพิจารณารับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพันธกิจของเรา
เรามีภาระต่อคนยากไร้ขัดสน
: เราได้รับการทรงเรียกเพื่อมารับใช้หมู่ชนที่ยากไร้ขัดสน เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ยากในการดำเนินชีวิตของเขา และเพื่อพัฒนาศักยภาพที่พระเจ้าประทานให้ จนถึงซึ่งชีวิตที่ครบบริบูรณ์ เราจะทำงานท่ามกลางผู้ยากไร้ขัดสน ในการศึกษาสภาพความเป็นอยู่ ปัญหา ปัจจัย และแสวงหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน และพัฒนาเปลี่ยนแปลงชีวิต เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ เราจะเอื้ออำนวยให้กลุ่มชนได้ทำงาน และเรียนรู้ร่วมกันด้วยความรักและอาทรต่อกัน โดยเฉพาะประสบการณ์แห่งการบังเกิดใหม่ที่อุดมด้วยความยุติธรรม การปรองดองกัน และสันติภาพ
เราเป็นผู้ดูแลจัดการที่ดี
: เราตระหนักแน่แก่ใจเสมอว่า ทรัพยากรและปัจจัยที่เราดูแลจัดการอยู่นี้ไม่ใช่ของเราแต่เป็นสิ่งที่พระเจ้าได้โปรดประทานให้ โดยผ่านมาทางผู้บริจาคและการสนับสนุนทั้งหลายเพื่อผู้ยากไร้ขัดสนจะได้รับความช่วยเหลือ เราจะสัตย์ซื่อในการใช้จ่ายและดูแลทรัพยากรเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ยากไร้ขัดสนทั้งปวง เราให้สัญญาและกระทำจริงอย่างตรงไปตรงมา และพร้อมที่จะเปิดเผยความเป็นจริงไม่ว่ากรณีใดๆ ต่อผู้บริจาค ต่อชุมชนที่เราให้ความช่วยเหลือ ต่อหน่วยงานของรัฐ ต่อสาธารณชนทั่วไป และต่อกันและกัน เพื่อให้ภาพพจน์ของเรานั้นสอดคล้องเป็นจริงในสิ่งที่เราได้สัญญาและได้กระทำ
เราพร้อมที่จะตอบสนอง
: ในสภาวการณ์ที่ความช่วยเหลือของเราเป็นสิ่งจำเป็นและเหมาะสม เราพร้อมทุกเวลาที่จะสนองตอบอย่างฉับไวต่อสภาวะร้ายแรงต่างๆ ทั้งที่เกิดขึ้นอย่างฉุกเฉินและปกติวิสัย เรายินดีที่จะเสียงกระทำอย่างผู้มีสติ และกล้าหาญที่จะกระทำอย่างมีประสบการณ์ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อสภาพการณ์ที่สลับซับซ้อน เช่น การกีดกันและเอารัดเอาเปรียบทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งต้องการการบูรณะและพัฒนาด้วยกระบวนการอย่างครบถ้วน และระยะยาวนั้น เราพร้อมที่จะสนองตอบด้วยการเข้าใจและหยั่งรู้