“ก่อนหน้านี้ ผมไม่มีบัตรประชาชน เวลาป่วยต้องไปโรงพยาบาล ผมต้องจ่ายค่ารักษาแพงมาก เพราะโรงพยาบาลเข้าใจว่าผมเป็นคนต่างชาติ ผมยังรู้สึกกลัวทุกครั้งที่ต้องออกไปข้างนอก เพราะถ้าถูกตรวจ ผมก็จะถูกมองว่าเป็นคนต่างชาติ พ่อเลยไม่ค่อยพาผมออกไปไหน นอกจากในพื้นที่ใกล้บ้าน”
คำบอกเล่าจากเด็กชายวรุตน์ หรือ น้องตี๋ เด็กชายวัย 9 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ผู้ที่เคยใช้ชีวิตโดยไร้สถานะทางกฎหมาย แต่วันนี้เขาสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างมั่นใจ และเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับ
นายทวีศักดิ์ พ่อของน้องตี๋ เล่าว่า “พ่อเป็นคนไทย แต่แม่ของน้องเป็นชาวกัมพูชา ตอนคลอดน้อง แม่เดินทางกลับไปคลอดที่กัมพูชาและแจ้งเกิดที่นั่น ทำให้ตี๋ไม่ได้รับสัญชาติไทย ผมต้องใช้เวลากว่า 9 ปี เดินทางไปกลับระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อรวบรวมเอกสาร พาลูกไปตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์ความเป็นพ่อลูก ทุกอย่างก็เพราะต้องการให้ลูกมีบัตรประชาชน ได้รับสัญชาติไทย และเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานที่เขาควรได้รับ”
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ที่ว่าการอำเภออรัญประเทศ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสระแก้ว สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระแก้ว ศูนย์คุ้มครองคนไร้ทีพึ่งจังหวัดสระแก้ว สำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2 สถานีตำรวจภูธร โรงเรียน ผู้นำชุมชน และอาสามัคร ดำเนิน “โครงการนำร่องเด็กไร้สัญชาติให้เข้าถึงสถานะทางกฎหมายและระบบบริการ” ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อ
- เสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่โครงการด้านการพัฒนาสถานะบุคคล
- สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐให้ครอบคลุมทุกมิติ
- พัฒนาศักยภาพอาสาสมัครชุมชน
- ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเด็กและกลุ่มเปราะบางให้สามารถเข้าถึงสิทธิที่พึงมี


การดำเนิน “โครงการนำร่องเด็กไร้สัญชาติให้เข้าถึงสถานะทางกฎหมายและระบบบริการ”
ครอบครัวของน้องตี๋ คือ หนึ่งในหลายครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการฯ แต่ด้วยผู้ปกครองได้ดำเนินการเตรียมเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว รวมถึงการพาน้องตี๋ไปตรวจ DNA เพียงยังเหลือขั้นตอนการยืนยันตัวตนยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งโครงการฯ ได้ช่วยอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการยืนยันตัวตน และการถ่ายบัตรประชาชนจนแล้วเสร็จขั้นตอน
“ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วครับ ผมเดินทางไปไหนก็ได้อย่างสบายใจ เวลาไปโรงพยาบาลก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเหมือนเมื่อก่อน ผมดีใจมากๆ และอยากขอบคุณทุกคนที่ทำให้ผมมีบัตรประชาชนเหมือนเพื่อนๆ” น้องตี๋ กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ด้านคุณพ่อกล่าวเสริมด้วยความภาคภูมิใจ “ผมตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์ภรรยาว่าลูกของเราได้บัตรประชาชนแล้ว เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้เธอ แต่ไม่ทันลูกเลย เพราะวันที่พาลูกไปทำบัตร เขาแอบโทรไปบอกแม่ก่อนแล้ว”
การดำเนินโครงการนี้เป็นอีกก้าวสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและครอบครัวที่เปราะบาง เพราะ เด็กทุกคนควรมีสิทธิในสัญชาติ ได้รับการคุ้มครอง และเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง และสามารถมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเต็มที่


การดำเนิน “โครงการนำร่องเด็กไร้สัญชาติให้เข้าถึงสถานะทางกฎหมายและระบบบริการ”