“หากหนูพึ่งพาตัวเองได้มากกว่านี้ หนูอยากจะทำโครงการเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ยากลำบากในชุมชนค่ะ แต่ตอนนี้สิ่งที่หนูทำได้คือการทำหน้าที่การงานของหนูให้ดีที่สุด หนูจะสอนให้นักเรียนเป็นคนเก่งและเป็นคนดี” นางสาวจินดา แซ่ฟ้า หรือ เซียร์ กล่าวอย่างมุ่งมั่น
“เซียร์” เป็นอดีตเด็กในความอุปการะ มูลนิธิศุภนิมิตฯ พื้นที่ดำเนินโครงการพัฒนาฯ จ.เชียงราย ปัจจุบันเซียร์จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะครุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการระหว่างรอสอบบรรจุเข้ารับราชการครู ซึ่งเธอยังมีชั่วโมงสนับสนุนการสอนในวิชาคณิตศาสตร์ ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ด้วย โดยโรงเรียนที่เธอทำงานเป็นโรงเรียนขยายโอกาสใน อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านที่เธออาศัยอยู่
แต่กว่าที่ชีวิตจะเดินมาถึงจุดที่่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างเช่นวันนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยสำหรับเธอและครอบครัว
“หนูมีพี่น้อง 5 คนค่ะ พ่อแม่หนูมีลูกค่อนข้างเยอะค่ะ ชีวิตในวัยเด็กของหนูจึงค่อนข้างยากลำบาก พ่อแม่ประกอบอาชีพเกษตรกรและรับจ้าง มีรายได้น้อยและไม่แน่นอน พี่น้องทุกคนก็มีอายุไล่เลี่ยกัน พอพวกเราเริ่มเข้าสู่วัยเรียน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเรียนค่อนข้างเป็นภาระที่หนักสำหรับครอบครัวของหนู” เซียร์ เล่าถึงชีวิตวัยเด็ก
แต่โอกาสในชีวิตก็มาถึงเมื่อเธอได้รับความช่วยเหลือ จากมูลนิธิศุภนิมิตฯ ผ่านโครงการอุปการะเด็ก ทำให้เธอได้รับโอกาสในด้านต่างๆ ทั้งการศึกษา สุขภาพอนามัย โภชนาการ และโอกาสในการพัฒนาทักษะชีวิต ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเธอและครอบครัว จนสามารถพึ่งพาตัวเองและมีกำลังที่จะสนับสนุนให้เธอได้รับโอกาสในการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
“หนูมีความฝันอยากเป็นครูมาตั้งแต่เด็กค่ะ อาจจะเพราะเราอยู่ในชุมชนห่างไกล อาชีพที่เรารู้จักและใกล้ชิดก็จะมีแต่อาชีพครู หนูเลยอยากเป็นครู อยากสอนหนังสือ และพัฒนาเด็กๆ นักเรียน ซึ่งนับเป็นโชคดีของหนูที่ได้รับโอกาสที่ดีนี้ หนูได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน กระเป๋า รองเท้านักเรียนเป็นประจำทุกปี นอกจากนั้นพ่อแม่ยังได้รับการสนับสนุนอาชีพเสริม ทั้งการเลี้ยงไก่ กบ ปลา และการปลูกผัก นอกจากจะใช้เป็นอาหารแล้ว ยังขายเพื่อเป็นรายได้เสริมให้ครอบครัวอีกด้วย”
นอกจากนั้นข้อความห่วงใยและคำสอนจากผู้อุปการะผ่านทางจดหมาย เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เซียร์มีกำลังใจจนเรียนจบปริญญาตรี และมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต
เซียร์ เล่าให้ฟังว่า “ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ท่านดูแลหนู ท่านได้เขียนจดหมายมาคุยกับหนูเป็นประจำ ซึ่งในจดหมายมีทั้งข้อความห่วงใย มีทั้งข้อความให้กำลังใจ ท่านอยากให้หนูเรียนหนังสือจบสูงๆ จะได้มีงานทำ มีรายได้ที่มั่นคง ซึ่งมันเป็นความประทับใจที่อัดแน่นอยู่ในใจหนูมาตลอด หนูอยากจะมีโอกาสเจอท่านสักครั้ง อยากกล่าวคำขอบคุณ และบอกท่านว่าสิ่งที่ท่านช่วยเหลือหนูมาตลอดสิบกว่าปี วันนี้หนูทำมันสำเร็จแล้วนะ หนูเรียนจบแล้ว หนูมีงานทำแล้ว และถ้ามีโอกาส หนูก็อยากจะเรียนต่อให้สูงกว่านี้”
“ถ้าหนูไม่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านผู้อุปการะ ชีวิตหนูก็คงเดินมาไม่ถึงวันนี้ ความสุขที่หนูเล่าให้ฟังวันนี้เกิดขึ้นได้เพราะท่านจริงๆ นะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ” เซียร์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มพร้อมน้ำตาคลอในดวงตา ที่เกิดจากความตื้นตันใจ