เด็กเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษา ปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข!

สอวช. และมูลนิธิศุภนิมิตฯ พัฒนากลไกการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในท้องถิ่น เพิ่มโอกาสการศึกษาสำหรับกลุ่มเปราะบาง นำร่องที่ ‘อ.สังขะ จ.สุรินทร์’

เด็กส่วนใหญ่ต้องหยุดเรียนเพราะความยากจนของครอบครัว ออกไปหางานทำ จะเริ่มมองเห็นความสำคัญของการศึกษาอีกครั้งก็คือเมื่อทำงานไปได้สักระยะ มีโอกาสจะได้เลื่อนตำแหน่งงานแต่ไม่ได้เพราะวุฒิการศึกษาไม่ถึง” คำบอกเล่าจาก รองผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ที่บ่งถึงความสัมพันธ์ของการศึกษากับโอกาสในการขยับสถานะทางสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรฐานราก หรือกลุ่มที่มีสถานะยากจน

ผนึกกำลังพัฒนาและผลักดันเชิงนโยบาย เพื่อโอกาสการศึกษาและการขยับสถานะกลุ่มฐานราก

ภายใต้ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาแนวทางเพื่อส่งเสริมการขยับสถานะทางสังคมของประชาชนกลุ่มฐานราก ระหว่าง สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ สอวช. และ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ซึ่งได้มีการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2565 และขยายผลในปี 2566 ผ่านการวิจัยการศึกษากลไกการขยับสถานะทางสังคมของประชากรกลุ่มฐานราก: บทบาทองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และโครงการต้นแบบนโยบายการส่งเสริมการขยับสถานะทางสังคมของประชาชนกลุ่มฐานราก: กลุ่มเด็กและเยาวชน ดำเนินงานในปี 2566-2567 ต่อเนื่องจนถึงปี 2568 ซึ่งจะได้มีการดำเนินงาน โครงการกลไกการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาสำหรับกลุ่มเปราะบาง ในบริบทพื้นที่เปราะบาง คือ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ (พื้นที่ชนบท ชุมชนที่ขาดแคลนทรัพยากรและโอกาสพัฒนาทักษะ) และ อ.อุ้มผาง จ.ตาก (พื้นที่สูงห่างไกล ชุมชนชาติพันธุ์ที่มีข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษา)

“จากการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 พบว่าการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในท้องถิ่นเป็นแนวทางสำคัญในการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืน ซึ่งในปี 2568 เราจะต่อยอดนำต้นแบบนโยบายฯ จากผลการศึกษาปี 2566-2567 มาสู่การบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา และชุมชนท้องถิ่น เพื่อร่วมกันออกแบบกลไกสนับสนุนเยาวชนเปราะบางให้เข้าถึงการศึกษาและสามารถขยับสถานะทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีโจทย์หลักซึ่งกำลังเป็นวิกฤตของประเทศคือเด็กหลุดจากระบบการศึกษาในการทำงาน” คุณอมรพจี อุปมัย Child Protection & Advocacy Advisor มูลนิธิศุภนิมิตฯ เล่าที่มาที่ไปของการดำเนินงาน

จากต้นแบบนโยบาย สู่การพัฒนากลไกและเครือข่าย ที่ อ.สังขะ จ.สุรินทร์

ข้อมูลจาก กศส. ระบุว่าในปี 2567 ประเทศไทยมีเด็กและเยาวชน 9.8 แสนคน ที่ไม่มีชื่อในระบบการศึกษา และในจำนวนนี้เป็นการรายงานของเด็กกลุ่มใหม่ถึง 391,747 คน สำหรับ จ.สุรินทร์ มีเด็กกว่า 12,000 คนที่ไม่มีชื่ออยู่ในระบบการศึกษา และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กอายุ 15-18 ปี

นี่คือชุดข้อมูลสถานการณ์เด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษาที่ คุณเทียนชัย ภัทรชนน Technical Advisor – Education มูลนิธิศุภนิมิตฯ นำมาขยายภาพให้เครือข่ายจาก 20 หน่วยงานใน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ซึ่งมีทั้งหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น มหาวิทยาลัย โรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ผู้นำชุมชน ภาคประชาสังคม รวมถึงผู้นำเด็กและเยาวชนด้วย ได้เห็นใน การประชุมเปิดตัวและหารือ โครงการกลไกการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาสำหรับกลุ่มเปราะบาง ณ ห้องประชุมบัวขาว โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม จ.สุรินทร์ ก่อนจะนำเข้าสู่กระบวนการระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อต้นแบบนโยบาย ตั้งแต่ข้อกังวล/ข้อท้าทาย แนวทาง/วิธีการดำเนินงาน การระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบทบาทของแต่ละหน่วยงานที่จะขับเคลื่อนต้นแบบนโยบายสู่การปฏิบัติจริง

“ที่ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เรามี 2 ต้นแบบนโยบายจากผลการศึกษาวิจัยที่จะนำมาสู่การบูรณาการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในท้องถิ่นเป็นแนวทางสำคัญในการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืน คือ โครงการสุขใจวินัยเชิงบวก มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเรียนรู้และเติบโตให้กับเด็กและเยาวชนทั้งในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน และ โครงการการใช้ฐานข้อมูลและกลไกท้องถิ่นเพื่อช่วยเหลือเด็กหลุดจากระบบการศึกษา เป้าหมายเพื่อให้สามารถเข้าถึงเด็กกลุ่มเสี่ยงและหลุดจากระบบการศึกษาได้ โดยมีกลไกช่วยเหลือที่เป็นเงื่อนไขให้กลับมาเรียน” คุณปลื้มปีติ เหลืองสุวิมล Policy Model Project Coordinator มูลนิธิศุภนิมิตฯชี้แจงรายละเอียดต้นแบบนโยบาย

เสียงจากเครือข่าย อ.สังขะ จ.สุรินทร์ และข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาต้นแบบนโยบาย

กำนันบุญสวย หลักแหลม กำนัน ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ให้ความคิดเห็นถึงแนวทางการป้องกันเด็กหลุดจากระบบการศึกษา “ในภาพรวมที่จังหวัดสุรินทร์ปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษาเกิดมาจากสถาบันครอบครัว พ่อแม่จะไปทำงานในเมือง ทิ้งภาระการเลี้ยงดูเด็กไว้กับปู่ย่าตายาย เลี้ยงดูด้วยการเอาใจเด็กมาก เด็กจะไปโรงเรียนหรือไม่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ ส่วนพ่อแม่ที่ทำงานในเมืองก็จะเน้นส่งเสียเงินมาให้ เด็กได้เงินมาก็เอาไปซื้อสิ่งของ ซื้อโทรศัพท์ เที่ยวเล่นกับเพื่อน ประกอบกับสื่อต่างๆ ที่ยั่วยุเด็ก พอรวมกันเข้าเด็กก็จะค่อยๆ ออกจากโรงเรียนมากขึ้นไปเรื่อยๆ”

สอดคล้องกับ นายศาสวัต อายุ 17 ปี ประธานนักเรียนโรงเรียนกระเทียมวิทยา จ.สุรินทร์ อดีตเด็กในความอุปการะ มูลนิธิศุภนิมิตฯ เล่าสิ่งที่เขาเห็นในโรงเรียนที่นำไปสู่การหลุดออกจากระบบการศึกษาของเพื่อนๆ

“มันมีรูปแบบที่ทำให้เราสามารถจับได้ว่าเด็กคนไหนเสี่ยงจะหลุดจากระบบการศึกษา ตั้งแต่ติดเกม ติดเพื่อน ไม่สนใจเรียน ขาดเรียน ผลการเรียนมีปัญหา บางคนก็หันไปหาสารเสพติด บางคนเชื่อตามที่เห็นใน Social Media ที่บอกว่าจบแค่ ม.3 หรือ ม.6 แต่ก็มีอาชีพดีๆ มีรายได้ มีชีวิตหรูหราได้ จนลืมคิดไปว่าตัวเองสามารถขยันได้เท่าเขาหรือไม่ อีกเรื่องที่เป็นตัวเร่งก็คือผู้ปกครอง เชื่อลูก ไม่ฟังที่ครูคอยบอกเกี่ยวกับการขาดเรียนของลูกๆ ผมสนใจต้นแบบนโยบายโครงการการใช้ฐานข้อมูลและกลไกท้องถิ่นเพื่อช่วยเหลือเด็กหลุดจากระบบการศึกษา ผมอยากให้มีระบบทั้งการติดตาม การบันทึกพัฒนาการ การประเมินผล ให้มีข้อมูลที่แน่นอน เพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลือได้ถ้าเด็กมีปัญหา”

คุณมีนา ดวงราศี ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อสุขภาพชุมชน เครือข่ายจากภาคประชาสังคมได้สะท้อนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับความเสี่ยงของเด็กหลุดจากระบบการศึกษา รวมถึงต้นแบบนโยบายและโครงการกลไกการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาสำหรับกลุ่มเปราะบาง

“มีปัจจัยเยอะมากที่ดึงเด็กออกไปจากโรงเรียน และส่วนหนึ่งที่มีผลค่อนข้างมากคือ บรรยากาศในการเรียนรู้ในโรงเรียนที่ทำให้เด็กไม่ค่อยมีความสุข ทั้งการแข่งขัน กฎเกณฑ์ การลงโทษ รวมถึงการบูลลี่กันเองในกลุ่มเด็กด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาตามมาคือเด็กขาดแรงบันดาลใจในการเรียน ขาดเป้าหมายชีวิตว่าจะเรียนไปทำไม ครู ผู้ปกครอง ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยนี้ด้วย ต้นแบบนโยบายโครงการสุขใจวินัยเชิงบวก หากจะได้ผลจะต้องขับเคลื่อนด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีคิดทั้งที่ตัวเด็ก ครู และผู้ปกครอง รวมถึงยังมีความท้าทายใหม่ๆ ทั้งความเครียด สุขภาพจิต และปัญหาสิ่งเสพติดต่างๆ การทำงานจริงก็จะต้องจับมือกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล สาธารณสุขด้วย และจะต้องทำให้ทั้งหมดจับมือร่วมกันเพื่อเป้าหมายการพัฒนาเด็ก”

ก้าวแรกของการพัฒนากลไกการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาสำหรับกลุ่มเปราะบาง ที่ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เสียงและข้อเสนอแนะจากเครือข่ายที่มาร่วมประชุมในครั้งนี้ จะถูกนำไปปรับปรุงต้นแบบนโยบายให้สามารถตอบสนองกับประเด็นปัญหาและศักยภาพของพื้นที่ และเพื่อแสวงหาความเป็นไปได้และพัฒนาแนวทางการดำเนินงานอย่างมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ และทั้งหมดจะถูกนำไปต่อยอดออกแบบเป็นกลไกสนับสนุนเยาวชนเปราะบางให้เข้าถึงการศึกษาและสามารถขยับสถานะทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับบริบทพื้นที่ต่างๆ ต่อไปด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป้ายกำกับ
Child Rights Climate Change CSR Human Rights Migrant SDG กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอาชีพ การจัดการภัยพิบัติ การตีตราและการเลือกปฏิบัติ การตีตราและเลือกปฏิบัติ การพัฒนาสถานศึกษา การมีส่วนร่วมของเด็ก กำจัดมาลาเรีย ความยั่งยืน ความยุติธรรมในสังคม (Social Justice) ความรับผิดชอบต่อสังคม ความรุนแรงต่อเด็ก ความเชื่อและการพัฒนา งานรณรงค์เพื่อเด็ก จิตอาสา ทักษะชีวิตเยาวชน ทักษะอาชีพเยาวชน นโยบายการพัฒนาเด็ก น้ำเพื่อชีวิต บริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน บริจาคทุนการศึกษา บริจาคเงิน ปกป้องคุ้มครองเด็ก ผู้นำเยาวชน พัฒนาชุมชน ภัยพิบัติ ยุติวัณโรค/End TB ยุติเอดส์/Stop AIDS สังคมแห่งการแบ่งปัน สิทธิมนุษยชน สิทธิเด็ก อดีตเด็กในความอุปการะ อ่านออกเขียนได้ เด็กข้ามชาติ เด็กยากไร้ เด็กไร้รัฐ เสียงเด็กและเยาวชน แรงงานข้ามชาติ/ประชากรข้ามชาติ แรงงานต่างชาติ

ข่าวอื่นๆ

เพราะรอยยิ้มของเด็ก ความสุขของครอบครัว และสุขภาพที่ดีของชุมชน คือ รางวัลที่ยิ่งใหญ่ 

มูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทย มอบ “อาคาร Pfizer First-aid Center ศูนย์ปฐมพยาบาลชุมชน” จ.เพชรบุรี แห่งที่ 9 ในโครงการจัดตั้งศูนย์ปฐมพยาบาลชุมชน Pfizer
อ่านต่อ »

มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เข้าร่วมกิจกรรมการแสดงนิทรรศการเผยแพร่ผลงาน “Saturday School Big Day 2025”

เพื่อนำเสนอผลงานโครงการและกิจกรรมด้านเด็กและเยาวชนจากภาคีเครือข่ายที่จะเป็นแนวทางใช้เพื่อส่งเสริมทักษะะศักยภาพของเยาวชนไทย
อ่านต่อ »

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า