องค์การสหประชาชาติ เผยในรายงาน World Youth Report ปี 2018 ว่า 16 % ของประชากรทั่วโลกคือเยาวชนที่มีอายุ 15-24 ปี และเป็นพลังสำคัญต่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน ประเทศ และโลกในอนาคต วันที่ 20 กันยายน ของทุกปีจึงถูกกำหนดให้เป็นวันเยาวชนแห่งชาติ ในปีนี้มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย จัด เวทีเชิดชูเกียรติเยาวชนดีเด่น การนำเสนอผลงานและการมีส่วนร่วมของเยาวชน ประจำปี 2024 (National Youth Forum & Child Participation FY2024) ระหว่างวันที่ 20-21 กันยายน 2024
คำว่า ‘การมีส่วนร่วมอย่างมีความหมาย’ เป็นอีกคีย์เวิร์ด (Key Word) สำคัญในการดำเนินเวทีเพื่อกระตุกไอเดีย ฉุดความคิดเห็นให้เหล่าเยาวชนที่มาร่วมงานครั้งนี้ โดยเน้นให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ ผ่านกิจกรรมหลากหลาย อาทิ เปิดเวทีให้เด็กและเยาวชนนำเสนอผลงานวิจัยภาวะความเปราะบางของเด็กในพื้นที่ชนบทและชุมชนเมือง ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิศุภนิมิตฯ เพื่อผลักดันนโยบายด้านความอยู่ดีมีสุขของเด็ก การจัดเวทีเสวนาภาวะความเปราะบางของเด็กในประเทศไทย โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและสื่อมวลชน อาทิ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย เครือข่ายสิทธิเด็กประเทศไทย สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย องค์การช่วยเหลือเด็ก (Save the Children) และ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าร่วมเวทีเสวนานำเสนอข้อคิดเห็นและแนวทางในการทำงานเพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน
ไฮไลต์ภายในงานครั้งนี้ คือการ จัดตั้งสภาเด็กและเยาวชนศุภนิมิตฯ เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความเข้มแข็ง
มาร่วมฟังเสียงของเหล่าเยาวชนศุภนิมิต ที่ได้รับการคัดเลือกและเข้าร่วมงานในครั้งนี้จากพื้นที่การดำเนินงานของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ทั้ง 4 ภูมิภาค
เริ่มกันที่รุ่นพี่เยาวชนศุภนิมิตคนเก่งจากภาคใต้อย่าง พี่เต้ย ณัฐพล อายุ 25 ปี จากจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กลั่นกรองประสบการณ์ตลอด 18 ปีที่ได้ร่วมกิจกรรมกับทางมูลนิธิศุภนิมิตฯ มาแบ่งปันให้น้องๆ ได้ฟัง “เป็นโอกาสที่ดีมากๆ ที่พี่ได้มาเข้าร่วมโครงการนี้ตั้งแต่แรกๆ ทำให้รู้สึกว่าชีวิตตัวเองเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีมากๆ ย้อนไปตอนที่พี่สอบสัมภาษณ์เข้าเรียนมหาวิทยาลัย กรรมการเขารู้ว่าเราเป็นเด็กกิจกรรม ยิ่งรู้ว่าเป็นมูลนิธิศุภนิมิตฯ ที่ทำงานเพื่อเด็กและเยาวชนคณะกรรมการยิ่งว้าว อย่างรางวัลล่าสุดที่พี่ได้รับคือนักศึกษาพระราชทาน ซึ่งพี่เอากิจกรรมที่ได้มีโอกาสทำร่วมกับมูลนิธิศุภนิมิตฯ ไปนำเสนอ มันเป็นจุดเด่นของเราที่ไม่เหมือนคนอื่น พี่รู้สึกภูมิใจที่ได้เติบโตมาจากมูลนิธิศุภนิมิตฯ และเป็นเด็กในความอุปการะด้วย วันนี้มีการจัดตั้งสภาเด็กและเยาวชน มันเป็นโอกาสที่ดีเป็นการ์ดใบใหม่ที่พวกเรานำไปต่อยอดในระดับประเทศได้”เยาวชนตัวอย่างที่น่าภาคภูมิใจผลผลิตจากโครงการพัฒนาชีวิตเยาวชน มูลนิธิศุภนิมิตฯ จากเด็กค่ายทักษะชีวิต ที่มีความขยัน กล้าพูด กล้าแสดงออก ทำให้วันนี้ เต้ย เป็นวิทยากรอิสระมากฝีมือ
อีกคนที่มาการันตีความเก่งของเยาวชนมูลนิธิศุภนิมิตฯ คือ ประธานสภาเด็กและเยาวชนศุภนิมิตฯ น้องโซอี้ อายุ 18 ปี จากจังหวัดกาญจนบุรี ตัวแทนจากภาคกลาง ซึ่งเคยเป็นน้องค่ายทักษะชีวิต มาตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 1 เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์เรื่อยมาจนปัจจุบันได้เป็นพี่ค่ายจัดกิจกรรม ส่งต่อความรู้ให้กับน้องๆ ในโรงเรียน โซอี้เผยว่า “กิจกรรมต่างๆ มันเอื้อให้โซอี้กล้าแสดงออกมากขึ้น ทำให้โซอี้มีความมั่นใจ กล้าใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง มีความสุขมากที่ได้ปลดล็อคตัวเองได้อีกขั้น”
พร้อมเผยความรู้สึกที่ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนๆ ในการการดำรงตำแหน่งประธานสภาเด็กและเยาวชนศุภนิมิตฯ ในครั้งนี้ว่า “รู้สึกตื่นเต้น และรู้สึกได้ว่าต้องเป็นตัวเอง ถ้าเรารู้สึกด้อย หรือว่าไม่เก่งพอ โซอี้ก็จะไม่มายืนอยู่อย่างทุกวันนี้ เริ่มต้นจากความกล้าแสดงออก และใช้กฎของแรงดึงดูด ถ้าเราอยากเป็นอะไร เราควรจะคิดแบบนั้นและมันจะเป็นจริงๆ โซอี้เลยได้เป็นจริงๆ ประธานสภาเด็กและเยาวชนเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของโซอี้เลย”
ด้านรองประธานสภาเด็กและเยาวชนศุภนิมิตแห่งประเทศไทย น้องเมย ชุติมา อายุ 18 ปี สาวเชียงใหม่ตัวแทนจากภาคเหนือ เธอเล่าถึงเรื่องที่อยากจะทำเมื่อได้เป็นสภาเด็กและเยาวชนศุภนิมิตฯ “อยากผลักดันเรื่องการศึกษาค่ะ โรงเรียนหนูอยู่ไกล มีเพื่อนหนูที่เขาอยากเรียนต่อแต่ทางบ้านไม่มีเงินส่ง จึงทำให้ไม่ได้เรียนในระดับมัธยมศึกษา เขาเลยต้องไปทำงานทั้งที่อายุยังน้อย หนูเลยอยากให้การศึกษาเข้าไปถึงเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารมากขึ้นค่ะ”
เช่นเดียวกับ น้องปอปอ อายุ 17 ปี ตัวแทนจากภาคอีสาน จังหวัดสกลนคร และเป็นคณะกรรมการฝ่ายการศึกษาของสภาเด็กและเยาวชนศุภนิมิตฯ ปีนี้ เล่าว่า “ผมมองว่าการศึกษาเป็นรากฐานของชีวิต ถ้าเด็กมีพื้นฐานการศึกษาที่ดี อนาคตเขาก็จะราบรื่นครับ ผมอยากทำให้การศึกษาทั่วประเทศเท่าเทียมกันหมด”
ถือว่าเป็นที่น่ายินดีและน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งสำหรับสภาเด็กและเยาวชนศุภนิมิตฯ โดย ดร.สราวุธ ราชศรีเมือง ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เผยถึงทิศทางความร่วมมือกับสภาเด็กและเยาวชนศุภนิมิตฯ “ปีงบประมาณ 2025 เป็นโอกาสที่สำคัญที่เราจะให้สภาเด็กและเยาวชนศุภนิมิตฯ เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบยุทธศาตร์ของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ในการตอบสนองต่อปัญหาของเด็กและเยาวชน ที่จะเชื่อมโยงกับยุทธศาตร์ของประเทศที่จะใช้ในการทำงานในรอบ 5 ปี ข้างหน้า และคณะกรรมการสภาเด็กและเยาวชนศุภนิมิตฯ จะได้เข้าร่วมประชุมและแสดงความคิดเห็นกับคณะกรรมการบริหาร รวมถึงการให้มุมมองกับคณะอำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตฯ ด้วย” ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่เหล่าเยาวชนจะได้ร่วมกันพัฒนาตนเอง พัฒนาชุมชน และพัฒนาประเทศชาติ ตอกย้ำ ‘การมีส่วนร่วมอย่างมีความหมาย’ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นอีก