บ้านแม่ละนา อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ชุมชนชาวไทใหญ่ขนาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 165 หลังคาเรือน กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและอนาคตของพวกเขา แม้ว่าผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรและรับจ้างตามฤดูกาล แต่ความเสื่อมโทรมของป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกคนในชุมชนต้องเผชิญ
ในอดีต ป่าไม้รอบหมู่บ้านเคยอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนในชุมชน แต่การขาดความตระหนักและความเข้าใจในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change) รวมถึงการเผาป่าและการใช้ทรัพยากรอย่างไม่ยั่งยืน ได้ทำให้ระบบนิเวศของพื้นที่แห่งนี้เริ่มอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
ท่ามกลางปัญหาเหล่านี้ เสียงเล็กๆ ของเยาวชนในชุมชนกลับดังก้องขึ้นในฐานะผู้จุดประกายความหวังให้กับบ้านแม่ละนา น้องชนวีว์ เด็กหนุ่มวัย 15 ปีที่เรียนชั้น ม.3 ซึ่งไม่เพียงแต่รับรู้ถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม แต่ยังลุกขึ้นมาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในชุมชนของเขา
“ปีที่ผ่านมา เราเจอทั้งน้ำท่วม ดินสไลด์ในฤดูฝน และน้ำแห้งแล้งในฤดูร้อน ปัญหามลพิษทางอากาศจากการเผาป่า การตัดไม้ และการใช้สารเคมี ทำให้คุณภาพชีวิตของทุกคนในชุมชนแย่ลง” น้องชนวีว์ เล่าอย่างจริงจัง“ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องทำอะไรบางอย่างเพื่ออนาคตของเรา”
ด้วยการสนับสนุนจากมูลนิธิศุภนิมิตฯ โครงการพัฒนาฯ จังหวัดแม่ฮ่องสอน กลุ่มเยาวชนในหมู่บ้านได้รวมตัวกันและเริ่มต้นกิจกรรมเพื่อฟื้นฟูป่าไม้และสร้างความตระหนักในชุมชน โครงการปลูกป่าและสร้างฝายชะลอน้ำ ได้ถือกำเนิดขึ้นจากความร่วมมือของเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ในชุมชน และองค์กรท้องถิ่น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม

โดยเยาวชนในหมู่บ้านจะร่วมแรงร่วมใจกันปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่เสื่อมโทรม ขณะเดียวกันผู้ใหญ่ในชุมชนก็ร่วมสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อช่วยกักเก็บน้ำสำหรับการเกษตรในฤดูแล้ง แม้ว่าต้นไม้ที่ปลูกในวันนี้จะยังเล็ก แต่สิ่งที่เติบโตอย่างเห็นได้ชัดคือ “ความหวัง” และ “ความเป็นเจ้าของ” ในหัวใจของคนในชุมชน น้องชนวีว์ เล่าอย่างภาคภูมิใจว่า “ตอนนี้ผมเห็นทุกคนในหมู่บ้านเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้และการอนุรักษ์ เราเริ่มหันมาช่วยกันดูแลต้นไม้และป่าของเรา ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงนี้”
สิ่งที่เยาวชนอย่างน้องชนวีว์และเพื่อนๆ ได้ริเริ่มขึ้น ไม่เพียงแต่เป็นการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน แต่ยังปลูกฝังจิตสำนึกแห่งการอนุรักษ์ให้กับคนรุ่นต่อไป “แม้ปัญหาจะยังไม่หมดไปในวันนี้ แต่ผมเชื่อว่าในอนาคต เราจะมีป่าที่สมบูรณ์ มีอากาศที่บริสุทธิ์ และมีแหล่งน้ำที่เพียงพอ”

เสียงเล็กๆ จากบ้านแม่ละนาได้แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนนั้นเริ่มต้นได้จากการร่วมมือกันของทุกคนในชุมชน และเยาวชนคือกำลังสำคัญที่จะผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงนี้คงอยู่ต่อไป บ้านแม่ละนาในวันนี้อาจเป็นเพียงจุดเล็กๆ บนแผนที่ แต่เสียงของพวกเขาได้สะท้อนถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง