สายธารแห่งความหวัง: เพื่อการปกป้องคุ้มครองเด็ก (Channel of Hope for Child Protection)

เพราะการปกป้องเด็กคือการตอบสนองต่อความรักของพระคริสต์ที่ทรงมีต่อผู้ที่เปราะบางที่สุดในสังคม คริสตจักรในฐานะ “ครอบครัวฝ่ายจิตวิญญาณ” จึงมีหน้าที่โอบอุ้ม ดูแล และปลูกฝังความปลอดภัยให้กับเด็กทุกคน

ในสังคมที่ดูเหมือนจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เด็กจำนวนไม่น้อยกลับยังคงเผชิญกับความรุนแรง การละเมิดสิทธิ และความทุกข์ที่มักเกิดจากคนใกล้ตัว ความจริงที่น่าตกใจคือ ในปี 2567 ประเทศไทยมีเด็กและเยาวชนถูกกระทำความรุนแรงถึง 2,776 คน ขณะที่ประมาณ 700,000 คนอยู่ในกลุ่มเปราะบางที่ต้องการการคุ้มครองเป็นพิเศษ และถึงร้อยละ 58 ของพ่อแม่และผู้ปกครองยังคงใช้ความรุนแรงในการสั่งสอนเด็ก เหล่านี้ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือเรื่องราวชีวิตของเด็ก ๆ ที่อยู่ในสภาวะเสี่ยง ซึ่งสะท้อนความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างระบบปกป้องคุ้มครองที่แข็งแรง

หลักสูตร “สายธารแห่งความหวัง” เพื่อเสริมพลังผู้นำคริสตจักร

ด้วยตระหนักถึงปัญหาเชิงโครงสร้างและรากลึกของความรุนแรง มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ในฐานะองค์กรคริสเตียนที่ดำเนินงานร่วมพันธกิจอย่างมุ่งมั่น ได้จัดทำหลักสูตรอบรม “สายธารแห่งความหวัง” เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับผู้นำคริสตจักรและสมาชิก ในการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการปกป้องคุ้มครองเด็ก โดยหลักสูตรนี้ได้ออกแบบโดยเริ่มจาก หัวใจ (Heart ) คือการสร้างความตระหนักในเรื่องการปกป้องคุ้มครองเด็กในมุมมองของความเชื่อ หลังจากนั้นก็จะนำเข้าสู่เนื้อหา ความรู้(Head) เพื่อให้เข้าใจและมีความรู้ในประเด็นที่เกี่ยว การปกป้องคุ้มครองเด็ก (Child Protection) เมื่อตระหนักและเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับประเด็นนี้แล้วก็จะนำเข้าสู่ การลงมือปฏิบัติ (Hand)  เพื่อตอบสนองต่อประเด็นปัญหาเรื่องการปกป้องคุ้มครองเด็ก (Child Protection) ในคริสตจักรและในชุมชนเพื่อให้เด็กและครอบครัวมีความอยู่ดีมีสุข

คุณปราณี กรพิบูลย์พงษ์ ครูรวีคริสตจักรพระคริสต์รวมใจ กล่าวถึงบทบาทของคริสตจักรว่า “คริสตจักรต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัย และเรียนรู้วิธีสังเกตและช่วยเหลืออย่างเหมาะสม เรามีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงและเยียวยาเด็ก เพราะเด็กหนึ่งคนที่ได้รับการดูแล จะส่งผลต่อครอบครัวและสังคมโดยรวม”

ในแง่มุมของผู้เข้าร่วมรุ่นเยาว์ โยเซฟ หนึ่งในผู้เข้าอบรมวัย 17 ปี บอกเล่าถึงความรู้สึกที่มีต่อคริสตจักรว่า “ผมเชื่อว่าคริสตจักรคือบ้านหลังที่สองที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก เป็นที่ที่เด็ก ๆ รู้สึกได้รับความรักและมีผู้ใหญ่ที่เข้าใจ รวมถึงเพื่อนที่รับฟัง สิ่งที่ผมได้จากการอบรมคือ คริสตจักรกับการพัฒนาชุมชนสามารถไปด้วยกันได้ แต่ต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ยัดเยียด เพราะเด็กยุคนี้หลายคนไม่ได้โตมากับศาสนา เราจึงต้องสื่อสารด้วยวิธีที่เขาเข้าใจง่ายและเป็นกันเอง”

หลักสูตรดังกล่าวไม่เพียงให้ข้อมูลด้านสิทธิเด็กและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ยังนำผู้เข้าร่วมกลับมาทบทวนจุดยืนของตนเองในฐานะผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณว่า ความรักต่อพระคริสต์ควรจะสะท้อนผ่านการดูแลและคุ้มครองผู้ที่เปราะบางที่สุดในชุมชน นั่นคือ “เด็ก” โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ความรุนแรงต่อเด็กมักแฝงอยู่ในรูปแบบที่ยากจะมองเห็น

ฝึกฝนทักษะเชิงปฏิบัติ เพื่อรับมือสถานการณ์จริง

การอบรม “สายธารแห่งความหวัง” ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการให้ความรู้เชิงทฤษฎีเท่านั้น แต่ยังเน้นการฝึกฝนให้ผู้นำคริสตจักรสามารถรับมือกับสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กได้อย่างลึกซึ้งและมีความหมาย ผู้เข้าร่วมอบรมได้เรียนรู้ตั้งแต่การสังเกตพฤติกรรมที่อาจเป็นสัญญาณของการถูกกระทำรุนแรง การสื่อสารกับเด็กอย่างปลอดภัย การประเมินสถานการณ์เบื้องต้น ตลอดจนขั้นตอนการรายงานที่เหมาะสม รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้การช่วยเหลือเด็กเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครบถ้วน และต่อเนื่อง

พันธกิจฝ่ายจิตวิญญาณ: การปกป้องคุ้มครองเด็กคือบทบาทของคริสตจักร

ผู้นำคริสตจักรหลายคนได้สะท้อนว่า การดูแลเด็กไม่ใช่เพียงหน้าที่ในมิติทางสังคม แต่เป็นพันธกิจฝ่ายจิตวิญญาณอย่างแท้จริง เพราะการปกป้องเด็กคือการตอบสนองต่อความรักของพระคริสต์ที่ทรงมีต่อผู้ที่เปราะบางที่สุดในสังคม การอบรมจึงช่วยเสริมแรงบันดาลใจให้คริสตจักรมองบทบาทของตนในการคุ้มครองเด็กไม่ใช่เพียงการทำ “งานหนึ่งงานใด” หากแต่เป็นการรับผิดชอบในฐานะ “ครอบครัวฝ่ายจิตวิญญาณ” ที่มีหน้าที่โอบอุ้ม ดูแล และปลูกฝังความปลอดภัยให้กับเด็กทุกคน ทั้งภายในคริสตจักรและในชุมชนรอบข้าง

“ผมเชื่อว่า ความเชื่อและการพัฒนาชุมชนต้องเดินไปด้วยกัน คริสตจักรไม่ควรอยู่แค่ในกำแพงสี่ด้าน แต่ต้องออกไปสู่ชุมชน เข้าใจปัญหา และตอบสนองต่อความต้องการของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นภัยสังคม การล่วงละเมิด หรือการค้ามนุษย์ เราต้องมีความรู้และความเข้าใจ เพื่อจะสามารถนำพระวจนะของพระเจ้าไปสู่ใจของผู้คนได้อย่างแท้จริง” อาจารย์สาธิต สุตันเจริญ ศิษยาภิบาลคริสตจักรบ้านเรากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ท่านเสริมต่อว่า “การทำงานของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ที่ส่งเสริมให้พ่อแม่เลี้ยงดูบุตรด้วยความรักและความเข้าใจนั้น เป็นสิ่งที่ผมเห็นคุณค่าอย่างยิ่ง เพราะคริสตจักรเองแม้จะเน้นเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณ แต่เราก็สามารถเป็นสะพานที่เชื่อมโยงความรักของพระเจ้าไปสู่ครอบครัว ผ่านการดูแลเด็กและชุมชน…

ผมมีโอกาสเห็นการเปลี่ยนแปลงของเด็กคนหนึ่งที่เติบโตมาในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่มีโอกาสทางการศึกษา แต่เมื่อคริสตจักรเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งด้านการเรียน ความรัก และสิ่งจำเป็นในชีวิต เด็กคนนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำในคริสตจักร เป็นผู้ที่นำครอบครัวมารู้จักพระเจ้า นี่คือผลลัพธ์ของการรับใช้ที่ลงลึกและจริงใจ”

ท่านยังสะท้อนถึงการอบรมในครั้งนี้ว่าเราต้องเข้าใจสิ่งที่ชุมชนต้องการจริง ๆ ไม่ใช่แค่นำสิ่งที่เราคิดว่าดีไปให้เขา แต่ต้องฟังเขา เข้าใจเขา และตอบสนองต่อความต้องการของเขาอย่างแท้จริง

ผมเชื่อมั่นว่าอนาคตของการร่วมมือระหว่างคริสตจักรกับมูลนิธิศุภนิมิตฯ จะเป็นพลังสำคัญในการขยายอาณาจักรของพระเจ้า เพราะเรามีเป้าหมายเดียวกัน คือการประกาศข่าวประเสริฐ และการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คน

ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า “สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากถึงผู้นำคริสตจักรทุกท่านว่า เด็กในวันนี้คือผู้นำในวันข้างหน้า หากเราไม่ให้ความสำคัญกับพวกเขาในวันนี้ คริสตจักรของเราก็จะไม่มีอนาคต ขอให้เราร่วมมือกัน สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เต็มไปด้วยความรัก และเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำที่เข้มแข็งในพระเจ้า”

จากการอบรมในครั้งนี้จะเห็นว่า ผู้นำคริสตจักรหลายคนเริ่มตระหนักถึงพลังของตัวเองในการเป็นกระบอกเสียงให้กับเด็กในชุมชน หลายคนตั้งใจจะนำเนื้อหาไปขยายผลในพื้นที่ของตน มีหัวใจที่มุ่งมั่นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กให้ดีกว่าเดิม และริเริ่มสร้างกลไกหรือกิจกรรมที่ส่งเสริมการคุ้มครองเด็กในระดับชุมชน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจเริ่มจากเพียงหนึ่งคริสตจักร หนึ่งผู้นำ หรือหนึ่งบทสนทนา แต่เมื่อรวมกัน จะกลายเป็น “เครือข่ายแห่งความหวัง” ที่ไหลรินไปยังเด็กทุกคน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป้ายกำกับ
Child Rights Climate Change CSR Migrant SDG กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอาชีพ การจัดการภัยพิบัติ การตีตราและการเลือกปฏิบัติ การตีตราและเลือกปฏิบัติ การพัฒนาสถานศึกษา การมีส่วนร่วมของเด็ก ครอบครัวสุขสันต์ ความยั่งยืน ความยุติธรรมในสังคม (Social Justice) ความรับผิดชอบต่อสังคม ความรุนแรงต่อเด็ก ความเชื่อและการพัฒนา งานรณรงค์เพื่อเด็ก จิตอาสา ทักษะชีวิตเยาวชน ทักษะอาชีพเยาวชน นโยบายการพัฒนาเด็ก น้ำเพื่อชีวิต บริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน บริจาคทุนการศึกษา บริจาคเงิน ปกป้องคุ้มครองเด็ก ผู้นำเยาวชน พัฒนาชุมชน ภัยพิบัติ ยุติวัณโรค/End TB ยุติเอดส์/Stop AIDS สังคมแห่งการแบ่งปัน สิทธิมนุษยชน สิทธิเด็ก ส่งน้องจบ ป-ตรี อดีตเด็กในความอุปการะ อ่านออกเขียนได้ เด็กข้ามชาติ เด็กยากไร้ เด็กไร้รัฐ เสียงเด็กและเยาวชน แรงงานข้ามชาติ/ประชากรข้ามชาติ แรงงานต่างชาติ

ข่าวอื่นๆ

จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ พัฒนายุทธศาสตร์และกรอบการดำเนินงานสุขภาพประชากรข้ามชาติในพื้นที่ กทม. โดย สสส. และมูลนิธิศุภนิมิตฯ

พัฒนาพื้นที่นำร่องส่งเสริมสุขภาพประชากรข้ามชาติ

สสส. และมูลนิธิศุภนิมิตฯ ร่วมกับภาคีเครือข่ายพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่เป็นมิตรสำหรับประชากรข้ามชาติพื้นที่กรุงเทพฯ
อ่านต่อ »

ลดการตีตรา ขจัดอุปสรรค สร้างความเท่าเทียม

มูลนิธิศุภนิมิตฯ จัดประชุมถอดบทเรียนการขจัดอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนและเพศภาวะเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพด้านวัณโรคและเอชไอวีอย่างเท่าเทียมสำหรับกลุ่มประชากรข้ามชาติ
อ่านต่อ »

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
1