มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย (“มูลนิธิฯ”) เป็นองค์กรคริสเตียนสาธารณกุศลเพื่อการพัฒนาและการรณรงค์เพื่อสร้างความยุติธรรมในสังคม มุ่งมั่นดำเนินพันธกิจเพื่อประโยชน์ของเด็กและชุมชนที่เปราะบางยากไร้ที่สุด ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าว มูลนิธิฯ อาจมีความจำเป็นจะต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (“ท่าน”) โดยมูลนิธิฯ มีความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ภายใต้ความดูแลของมูลนิธิฯ และมุ่งมั่นที่จะจัดการข้อมูลด้วยวิธีการที่มั่นคงปลอดภัยและน่าเชื่อถือ มูลนิธิฯ จึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (“นโยบาย”) ซึ่งอธิบายถึงวิธีการที่มูลนิธิฯ ปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลอ่อนไหวของท่าน เช่น การเก็บรวบรวม การจัดเก็บรักษา การใช้ การเปิดเผย รวมถึงสิทธิต่างๆ ของท่าน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดและเงื่อนไขการดำเนินพันธกิจ โดยมูลนิธิฯ ขอแนะนำให้ท่านทำความเข้าใจนโยบายฉบับนี้ก่อนการมีธุรกรรมกับมูลนิธิฯ และในการมีธุรกรรมแต่ละครั้ง ถือว่าท่านได้อ่านและรับทราบเงื่อนไขรายละเอียดนโยบายฉบับนี้แล้ว
1. คำนิยาม
“ข้อมูลส่วนบุคคล”
General Personal Data |
หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม ข้อมูลของนิติบุคคล ข้อมูลสำหรับการติดต่อทางพันธกิจที่ไม่ได้ระบุถึงตัวบุคคล ชื่อหน่วยงาน ที่อยู่ของหน่วยงาน เลขทะเบียนนิติบุคคล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อีเมลที่ใช้ในการทำงาน ที่อยู่อีเมลกลุ่มของหน่วยงาน ข้อมูลนิรนาม (Anonymous) หรือข้อมูลแฝงที่ทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้อีกโดยวิธีการทางเทคนิค (Pseudonymous) เป็นต้น |
“ข้อมูลอ่อนไหว”
Sensitive Personal Data |
หมายถึง ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน และอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนา ปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด |
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (DS)” |
หมายถึง ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แต่ไม่ใช่กรณีที่บุคคลมีความเป็นเจ้าของข้อมูล หรือเป็นผู้สร้างหรือเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นเอง โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนี้หมายถึง บุคคลธรรมดาเท่านั้น และไม่รวมถึงนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น บริษัท สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรอื่นใด |
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (DC)” |
หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล |
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (DP)” |
หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล |
“ประมวลผล” |
หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บรวบรวม การบันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือการดัดแปลง การเรียกคืน การปรึกษา การใช้ การเปิดเผย ไม่ว่าจะด้วยวิธีการส่ง โอน การเผยแพร่หรือการทำให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใด ๆ ก็ตาม การจัดเรียง การนำมารวมกัน การบล็อกหรือจำกัด การลบหรือการทำลาย เป็นต้น |
“คุกกี้” |
หมายถึง ไฟล์คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวที่จำเป็นลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการติดต่อสื่อสารซึ่งจะมีผลในขณะที่เข้าใช้งานระบบเว็บไซต์เท่านั้น |
“เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO)” |
หมายถึง บุคคลซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากมูลนิธิฯ โดยผู้อำนวยการ ให้มีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 |
2. ข้อมูลเจ้าของข้อมูลส่วนตัว
2.1 คณะกรรมการมูลนิธิฯ |
หมายถึง บุคคลซึ่งมีฐานะเป็นกรรมการอำนวยการของมูลนิธิฯ รวมถึงตัวแทนของบุคคลดังกล่าว และให้หมายความผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหา |
2.2 พนักงานของมูลนิธิฯ |
หมายถึง ลูกจ้าง หรือบุคคลซึ่งทำงาน หรือปฏิบัติหน้าที่ให้กับมูลนิธิฯ และได้รับเงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ หรือค่าตอบแทนจากมูลนิธิฯ เช่น ผู้บริหาร ผู้จัดการ พนักงาน บุคลากร หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และให้หมายความรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรของมูลนิธิฯ และผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการรับสมัครงาน เช่น บุคคลในครอบครัว บิดา มารดา คู่สมรส และบุตร บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง ผู้รับผลประโยชน์ เป็นต้น |
2.3 หุ้นส่วนพันธกิจ ภาคีเครือข่าย |
หมายถึง บุคคลธรรมดา ตัวแทนของนิติบุคคล เช่น กรรมการ ผู้มีอำนาจลงนาม ผู้รับมอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจช่วง ผู้ปฏิบัติงาน พนักงาน และลูกจ้างของนิติบุคคลที่ได้เข้าร่วม หรือจะเข้าร่วมทำธุรกรรมหรือพันธกิจต่าง ๆ กับมูลนิธิฯ และผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบุคคลที่เข้าเสนอราคาเพื่อขายสินค้า และ/หรือให้บริการแก่มูลนิธิฯ อาทิ ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ วิทยากร ผู้เข้าร่วมพันธกิจ คู่สัญญา หรือมีความสัมพันธ์อื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับมูลนิธิฯ เป็นต้น |
2.4 ผู้สมัครงาน |
หมายถึง บุคคลที่ได้ยื่นใบสมัครงาน/สมัครฝึกงาน หรือบุคคลอื่นใดที่ส่งรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวมาที่มูลนิธิฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสมัครงาน/สมัครฝึกงาน เป็นพนักงานประจำ ลูกจ้าง หรืออาสาสมัคร และผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสมัคร เช่น บุคคลในครอบครัว บุคคลอ้างอิง และบุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น |
2.5 โครงการอุปการะเด็ก |
หมายถึง ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการอุปการะเด็ก หรือโครงการที่เกี่ยวข้องซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนเด็กและชุมชนที่เปราะบางยากไร้ที่สุด ที่ต้องการโอกาสและทุนทรัพย์ หรือโครงการอื่นๆ ที่สนับสนุนเด็กและเยาวชนไปสู่ความอยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน และผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสมัคร เช่น บุคคลในครอบครัว บุคคลอ้างอิง และบุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น |
2.6 บุคคลทั่วไป |
หมายถึง บุคคลทั่วไปที่มีธุรกรรมหรือติดต่อกับมูลนิธิฯ รวมทั้งมีนิติสัมพันธ์ เช่น ผู้ติดต่อ Contact Center ผู้สนใจในพันธกิจ ผู้ที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลจากมูลนิธิฯ ผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับมูลนิธิฯ ผู้อุปการะ ผู้บริจาค ผู้สนับสนุนทุน เป็นต้น |
2.7 คุกกี้ |
มูลนิธิฯ อาจใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อท่านใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ผ่านคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์ ได้แก่ ที่อยู่ไอพี (IP Address) เบราว์เซอร์ที่ใช้งาน หรือระบบปฏิบัติการ หน้าเว็บไซต์ที่เข้าชม และเว็บไซต์ต้นทางที่ผู้เข้าชมเชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์ ซึ่งเทคโนโลยีอัตโนมัตินี้อาจรวมถึงการใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน |
3. การคุ้มครองการเป็นส่วนตัว
เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มูลนิธิฯ จะแจ้งประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ที่ระบุถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีการแจ้งถึงรายละเอียดการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รับรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือโดยข้อความสั้น หรือตามแบบวิธีการอื่นใด ที่มูลนิธิฯ กำหนด ซึ่งมูลนิธิฯ จะดำเนินการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบก่อน หรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ถึงรายละเอียด อย่างน้อยตามหัวข้อดังต่อไปนี้ เว้นแต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ทราบถึงรายละเอียดนั้นอยู่แล้ว
3.1 ระบุประเภทของกลุ่มบุคคลที่มูลนิธิฯ มีการเก็บรวบข้อมูลส่วนบุคคล
3.2 ระบุวัตถุประสงค์และวิธีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
3.3 ระบุถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
3.4 ระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
3.5 ระบุสิทธิทั้งหมดของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
3.6 ระบุวิธีการใช้สิทธิแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และการถอนความยินยอม
3.7ระบุถึงมาตรการที่ดำเนินการทั้งหมดเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
3.8 ระบุช่องทางการติดต่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถติดต่อ หรือสอบถามเพิ่มเติม หรือใช้สิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
3.9 ระบุประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่อาจนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้
4. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล มูลนิธิฯ กำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับการรักษาความลับเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลโดยมิชอบ ซึ่งมูลนิธิฯ และบุคคลภายนอกที่ได้รับมอบหมายจากมูลนิธิฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
4.1 มูลนิธิจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้โดยมีการจำกัดสิทธิการเข้าถึงและใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นธรรม ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และจะประมวลผลภายใต้วัตถุประสงค์ที่มูลนิธิฯ กำหนดเท่านั้น ทั้งนี้ ก่อนการดำเนินการดังกล่าว มูลนิธิฯ จะให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยข้อความสั้น หรือตามแบบวิธีการของมูลนิธิฯ
4.2 มูลนิธิฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยมูลนิธิฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้ มูลนิธิฯ สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม
1. เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ โดยมูลนิธิฯ จะจัดให้มีมาตรการป้องกันเหมาะสม เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
2. เพื่อป้องกัน หรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
3. เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญา
4. เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบหมายให้แก่มูลนิธิฯ
5. เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมูลนิธิฯ หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
6. เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย
4.3 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว มูลนิธิฯ จะต้องขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลก่อน หรือขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ที่มูลนิธิฯ กำหนดโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย โดยมูลนิธิฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว เพื่อการให้บริการบางรูปแบบ เมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือเมื่อท่านสมัครใจเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ หรือเมื่อเป็นกรณีที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยอ้างอิงฐานทางกฎหมาย อย่างน้อยฐานใดฐานหนึ่งตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ดังนี้
1. เป็นการดำเนินการโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
2. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล โดยที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยอมได้
3. เพื่อการดำเนินกิจกรรมโดยชอบด้วยกฎหมายของมูลนิธิอื่น สมาคม องค์กรไม่แสวงหากําไร ที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการเมือง ศาสนา ปรัชญา หรือสหภาพแรงงานโดยมีมาตรการคุ้มครองที่เหมาะสม
4. เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
5. เป็นการจำเป็นเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
6. เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ด้านเวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ การประเมิณความสามารถในการทำงานของลูกจ้าง ประโยชน์ด้านสาธารณสุข การคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สถิติ หรือประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
4.4 ในกรณีที่มูลนิธิฯ จะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนด…
5. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์คนไร้ความสามารถ หรือคนเเสมือนไร้ความสามารถ
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ซึ่งต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ (แล้วแต่กรณี เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม)
- ผู้เยาว์: หมายถึง บุคคลซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งสามารถดำเนินการที่สมแก่ฐานานุรูปได้ด้วยตนเองเช่น การดำเนินการเกี่ยวกับการศึกษา การเป็นลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงาน หรือในกิจการใดที่ผู้เยาว์สามารถกระทำได้เองหรือที่ผู้เยาว์มีฐานะเสมือนดังบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว โดยในการให้ความยินยอมใด ๆ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีฐานะเสมือนเป็นผู้บรรลุนิติภาวะสามารถให้ความยินยอมได้ด้วยตนเอง เว้นแต่เป็นกรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ความยินยอมบางอย่าง จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ด้วย และในกรณีที่ผู้เยาว์อายุไม่เกิน 10 ปี ต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองนั้นโดยตรง
- คนเสมือนไร้ความสามารถ: หมายถึง บุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ เนื่องจากมีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือประพฤติสุรุ่ยสุร่ายเสเพลเป็นอาจิณ หรือติดสุรายาเมา หรือมีเหตุอื่นใดทำนองเดียวกันนั้น จนไม่สามารถจะจัดทำการงานโดยตนเองได้ หรือจัดกิจการไปในทางที่อาจจะเสื่อมเสียแก่ทรัพย์สินของตนเองหรือครอบครัว ทั้งนี้ ในการให้ความยินยอมใด ๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจกระทำการแทนคนเสมือนไร้ความสามารถนั้นก่อน เว้นแต่เป็นกรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ความยินยอมบางอย่าง ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ก่อน
- คนไร้ความสามารถ: หมายถึง บุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ เนื่องจากเป็นบุคคลวิกลจริตทั้งนี้ ในการให้ความยินยอมใด ๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้อนุบาลที่มีอำนาจกระทำการแทนคนไร้ความสามารถนั้นก่อน
5.2 กรณีที่ต้องมีการขอความยินยอมจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ (แล้วแต่กรณี) มูลนิธิฯ จะขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองนั้นโดยตรง และให้บุคคลผู้มีอำนาจปกครองเหล่านั้นเป็นผู้ดำเนินการแทนเท่านั้น ซึ่งมูลนิธิฯ เชื่อโดยสุจริตว่าข้อมูลที่มูลนิธิฯ ได้รับจากบุคคลเหล่านั้น เป็นข้อมูลที่มูลนิธิฯ มีสิทธิประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และบุคคลเหล่านั้นมีสิทธิเปิดเผยให้แก่มูลนิธิฯ ได้ โดยมูลนิธิฯ จะดำเนินการตามขั้นตอน ที่ระบุในประกาศความเป็นส่วนตัวตามประเภทของกิจกรรม
6. การใช้และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
6.1 มูลนิธิฯ จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น โดยในกรณีใด ๆ ที่มูลนิธิฯ ต้องการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมหรือมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย มูลนิธิฯ จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบก่อนที่จะดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตให้ดำเนินการได้
6.2 มูลนิธิฯ จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม และในกรณีที่มูลนิธิฯ ใช้บริการสารสนเทศของผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก มูลนิธิฯ จะจัดให้มีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและมีการควบคุมการเข้าถึง ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยมูลนิธิฯ จะกำกับดูแลพนักงาน ผู้ให้บริการเจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานของมูลนิธิฯ มิให้ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มูลนิธิฯ กำหนดหรือเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก
6.3 มูลนิธิฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่มูลนิธิฯ จัดเก็บในปัจจุบัน และที่จะได้จัดเก็บในอนาคต ให้แก่องค์กรศุภนิมิตสากลตามรายชื่อที่ปรากฏบนเว็บไซต์ www.wvi.org พันธมิตร คู่ค้า บุคคล หรือนิติบุคคลอื่นภายในขอบเขตตามที่มีข้อตกลงร่วมกัน และที่ท่านสามารถคาดหมายได้
7. หลักการประมวลข้อมูลส่วนบุคคล
7.1 มูลนิธิฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทั้งในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นธรรม โปร่งใสและคำนึงถึงความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลทั้งนี้ การกำหนดขอบเขตวัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ให้ทำได้เท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายและแนวทางการดำเนินพันธกิจของมูลนิธิฯ
7.2 มูลนิธิฯ จะจัดให้มีกระบวนการและการควบคุมเพื่อบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลในทุกขั้นตอนให้สอดคล้องกับกฎหมายและนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของมูลนิธิฯ
7.3 มูลนิธิฯ จะจัดทำและรักษาบันทึกการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Records of Processing Activities: ROPA) สำหรับบันทึกรายการและกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับกฎหมายวมทั้งจะปรับปรุงบันทึกการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรายการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง (มูลนิธิฯ ยังจัดทำบันทึกดังกล่าวแม้ว่าจะได้รับยกเว้นตามประกาศกฎหมายฉบับรองก็ตาม แต่เป็นการจัดทำในข้อมูลบางส่วนที่จำเป็นและสมควรบันทึกการประมวลผลเท่านั้น)
7.4 มูลนิธิฯ จะจัดให้มีกระบวนการที่ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการแจ้งวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและรายละเอียดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) และการขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสอดคล้องกับกฎหมายรวมทั้งจัดให้มีมาตรการดูแลและตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว
7.5 มูลนิธิฯ จัดให้มีแนวทางในการอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้เฉพาะบุคคลที่จำเป็นต้องรู้ และเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยในกรณีที่มูลนิธิฯ เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล มูลนิธิฯ จะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรตามที่ระบุในสัญญา และอยู่ในขอบเขตของการดำเนินพันธกิจเท่านั้น และจะปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
7.6 ในกรณีที่มูลนิธิฯ ส่ง โอน หรือให้บุคคลอื่นใช้ข้อมูลส่วนบุคคล มูลนิธิฯ จะจัดทำข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเพื่อกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้สอดคล้องกับกฎหมายและนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของมูลนิธิฯ และในกรณีที่มูลนิธิฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ มูลนิธิฯ จะปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมาย
7.7 มูลนิธิฯ จะทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อครบกำหนดระยะเวลา โดยปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายและแนวทางการดำเนินพันธกิจของมูลนิธิฯ
7.8 มูลนิธิฯ จะประเมินความเสี่ยง และจัดทำมาตรการเพื่อบรรเทาความเสี่ยง และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
7.9 มูลนิธิฯ จะจัดให้มีการทบทวนและปรับปรุงนโยบาย (Policy) มาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standards) แนวปฏิบัติ (Guidelines) ขั้นตอนปฏิบัติ (Procedures) และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำ เพื่อให้ทันสมัยสอดคล้องกับกฎหมายและสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา
8. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัว
มูลนิธิฯ จะเก็บข้อมูลเจ้าของข้อมูลไว้ตามประเภทกิจกรรม และวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังที่ระบุในประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) หลังจากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น มูลนิธิฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจากการจัดเก็บจากระบบของมูลนิธิฯ และของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่มูลนิธิฯ (ถ้ามี) หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวเจ้าของข้อมูลได้ หรือดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด…
อย่างไรก็ดี มูลนิธิฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเป็นระยะเวลาเกินกว่าระยะเวลาดังกล่าว หากกฎหมายอนุญาต หรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมายของมูลนิธิฯ การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจผู้เกี่ยวข้อง และเพื่อวัตถุประสงค์ของพันธกิจหรือโดยชอบตามกฎหมาย
9. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
มูลนิธิฯ ให้สิทธิแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีสิทธิตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ดังต่อไปนี้
9.1 สิทธิในการถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่กับมูลนิธิฯ
9.2 สิทธิในการขอเข้าถึง และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิในการร้องขอให้เปิดเผยการได้มาของข้อมูลส่วนบุคคล
9.3 สิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไป
9.4 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อใดก็ได้
9.5 สิทธิในการร้องขอให้มูลนิธิฯ ลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้
9.6 สิทธิในการขอให้มูลนิธิฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้
9.7 สิทธิในการร้องขอให้มูลนิธิฯ ดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
9.8 สิทธิในการร้องเรียน กรณีที่มูลนิธิฯ พนักงาน ลูกจ้าง หรืออาสาสมัครของมูลนิธิฯ ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลผ่านช่องทางเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ
ทั้งนี้ มูลนิธิฯ เคารพสิทธิส่วนบุคคลของท่าน และเปิดโอกาสให้ท่านสามารถเลือกวิธีการควบคุม หรือวิธีการที่มูลนิธิฯ ใช้ติดต่อท่าน โดยมูลนิธิฯ จะปฏิบัติตามที่ท่านได้ร้องขอ เพื่อช่วยให้เกิดความโปร่งใส และเพื่อคุณภาพของข้อมูล และความถูกต้องของข้อมูลโดยการร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านตามที่กฎหมายกำหนด จะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดให้มีขึ้นในเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ หรือกรณีท่านประสงค์จะใช้สิทธิถอนความยินยอมท่านสามารถเข้าไปที่ การตั้งค่าในแอปพลิเคชันที่ท่านเป็นสมาชิก หรือกรอกข้อมูลผ่านแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์คำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล หรือในกรณีท่านประสงค์ใช้สิทธิถอนความยินยอมสามารถกรอกข้อมูลผ่านแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกัน
10. การรักษาความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล
มูลนิธิฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล มูลนิธิฯ จึงกำหนดให้มีมาตรการอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงกำหนดนโยบาย ระเบียบ แนวปฏิบัติ และขั้นตอนวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
10.1 กำหนดนโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เพื่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อจัดการข้อมูลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดอย่างปลอดภัย
10.2 ไม่จำหน่ายหรือขายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่ากรณีใด และจะไม่โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของมูลนิธิฯ
10.3 จำกัดสิทธิพนักงาน ลูกจ้าง และอาสาสมัครของมูลนิธิฯ ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล และกำหนดสิทธิในการเข้าถึง หรือการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูล
10.4 ป้องกันการเข้าถึงนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจัดให้มีการเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบตัวตนและเทคโนโลยีการตรวจจับไวรัส ตามความจำเป็น
10.5 ตรวจสอบสถานะ หุ้นส่วน ภาคีเครือข่ายที่ทำธุรกรรมกับมูลนิธิฯ กำหนดให้ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกำหนดข้อจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
10.6 กำหนดให้พนักงาน ลูกจ้าง และอาสาสมัครของมูลนิธิฯ เข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล
10.7 ประเมินผลแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การจัดการข้อมูล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลทางเทคนิค ทางกายภาพ และทางธุรการที่เหมาะสม รวมถึง ทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยเมื่อมีความจำเป็น หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนติดตามตรวจสอบเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ ผ่านหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
10.8 จัดให้มีระบบการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
10.9 จัดให้มีระบบการแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่จะสามารถกระทำได้ เว้นแต่การละเมิดดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
11. การเชื่อมโยงเว็บไซต์ บริการของบุคคลภายนอก
เว็บไซต์ของมูลนิธิฯ อาจมีการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของบุคคลภายนอก ซึ่งบุคคลภายนอกเหล่านั้นอาจเก็บรวบรวมข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการใช้บริการ และข้อมูลส่วนบุคคล โดยมูลนิธิฯ ไม่สามารถรับผิดชอบในความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวของข้อมูลใด ๆ ที่เก็บรวบรวมโดยเว็บไซต์ของบุคคลภายนอกดังกล่าวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลควรใช้ความระมัดระวังและตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์ ของบุคคลภายนอกเหล่านั้นให้ละเอียดก่อนการใช้บริการเว็บไซต์ของบุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้
11.1 มูลนิธิฯ มีตัวเลือกให้ผู้ใช้ส่งออกข้อมูลไปยังแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม รวมถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Twitter หรือ LinkedIn เมื่อส่งออกข้อมูลดังกล่าว แสดงว่าผู้ใช้อาจกำลังเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้ให้กับบุคคลอื่นหรือองค์กรอื่นที่รับผิดชอบ…
11.2 มูลนิธิฯ มีการใช้งาน Google Analytics เพื่อเรียกดูข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ รวมถึงข้อมูลของ Browser ข้อมูลของอุปกรณ์ ประเทศที่อยู่ เพื่อพัฒนาปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานแพลตฟอร์มให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงนำข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเพื่อการนำเสนอและประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละราย โดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้กับบุคคลอื่นใดนอกเหนือจากใช้งานภายในมูลนิธิฯ หากผู้ใช้ไม่ต้องการให้สามารถเข้าถึงข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ได้ สามารถเลือกที่จะปิดการบันทึกการใช้งานผ่านเครื่องมือของทาง Google ที่ https://tools.google.com/dlpage/gaoptout
ในกรณีของการทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น การบริจาคเงิน หรือการชำระเงิน จะเป็นการดำเนินการโดยผ่านการเชื่อมต่อกับธนาคารหรือผู้ให้บริการทางการเงินภายนอก ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ไม่มีนโยบายในการเก็บข้อมูลการเงินที่เป็นส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรเครดิต ตามมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลบัตรชำระเงิน (PCIDSS) และไม่มีนโยบายในการขายข้อมูลดังกล่าวให้กับบุคคลใด
12. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม
ในกรณีที่มูลนิธิฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มูลนิธิฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมซึ่งท่านมีสิทธิยกเลิกความยินยอมเมื่อใดก็ได้ โดยติดต่อมายังมูลนิธิฯ ผ่านการกรอกแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์คำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล
13. ช่องทางการติดต่อ
กรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อสงสัยใด ๆ หรือต้องการใช้สิทธิตามที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้ สามารถติดต่อหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของมูลนิธิฯ ผ่านช่องทาง ดังนี้:
- โทรศัพท์ (สายด่วน): 098-886-8888 กด 3
- อีเมล: dpo@worldvision.or.th
- ที่อยู่: 809 ถนนประชาอุทิศ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
14. การทบทวนนโยบาย
มูลนิธิฯ อาจปรับปรุงเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยมูลนิธิฯ จะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ท่านทราบผ่านช่องทางที่เว็บไซต์ และ/หรือ แพลตฟอร์มของมูลนิธิฯ
ประกาศ ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2567