ร่วมมอบทุนการศึกษากับเยาวชนที่มีความตั้งใจแต่ขาดทุนทรัพย์ มอบโอกาสทางการศึกษาเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้เยาวชนได้ก้าวเดินตามความฝัน ลดการหลุดออกนอกระบบการศึกษาได้อย่างแท้จริง
มอบความหวัง ความสุข และความเสมอภาคทางการศึกษา ให้กับเยาวชน สัมผัสประสบการณ์แห่งความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนในการเติมเต็มความฝัน เพื่ออนาคตที่ดีของพวกเขา
“โครงการส่งน้องจบ ป.ตรีฯ” ดำเนินงานโดยมุลนิธิฯ เป็นโครงการที่มุ่งเน้นช่วยเหลือนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในพื้นที่ดำเนินงานของมูลนิธิฯ ซึ่งเป็นนักเรียนที่มีความมุ่งมั่นที่จะศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน โดยสนับสนุนค่าเทอม ค่าที่พัก ค่าหนังสือ ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายในกิจกรรมอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการศึกษา นับตั้งแต่ปี 2011 ที่มูลนิธิฯ ได้ริเริ่มโครงการ มีนักเรียนอย่างน้อย 500 คนที่สำเร็จการศึกษาและมีโอกาสทำงานในอาชีพที่ตนเองเลือก เพื่อดูแลครอบครัวและพัฒนาสังคมไทย ด้วยการสนับสนุนทุนการศึกษาจำนวน 36,000 บาท ต่อนักศึกษาหนึ่งคน ต่อปีของท่าน ควบคู่กับการดูแลและติดตามผลอย่างต่อเนื่องจากมูลนิธิฯ
เด็กไทยในครัวเรือนยากจนยิ่งโต โอกาสในการเรียนต่อยิ่งน้อย ในปี 2566 เด็กเปราะบางยากไร้ในวัย 18-21 ปี เพียง 3.96% เท่านั้นที่ได้รับโอกาสศึกษาต่อระดับ ปวส. และปริญญาตรี
(รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย ปี 2566 โดย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)
“ทุกวันหลังเลิกเรียนผมต้องไปทํางานในไร่อ้อย ได้อ้อยเท่าไหร่ก็จะต้อง แบ่งกับเจ้าของที่คนละครึ่ง ที่เหลือถึงจะเป็นเงินที่เราสามารถใช้จ่ายได้ รวมถึงเป็นค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเรียนหนังสือของผมครับ” “ช่วงโควิด-19 ผมได้ลงพื้นที่กับเจ้าหน้าที่มูลนิธิศุภนิมิตฯ ไปช่วยแจกเจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย ไปสอนเด็กนักเรียน ไปบ้านคนยากไร้ ตายายที่อยู่กระท่อมเล็กๆ มันทำให้ผมรู้ว่ายังมีคนที่เขาลำบากกว่าผมอีกเยอะ ผมรู้เลยว่าผมต้องกลับมาพัฒนาบ้านเกิด เป็นจุดเปลี่ยนให้ผมอยากเรียนรัฐศาสตร์” ทุนการศึกษา ‘ส่งน้องจบ ป.ตรี’ ได้สร้างโอกาสให้เด็กชายที่ต้องอาศัยข้าวเช้าจากก้นบาตรพระ เด็กหนุ่มที่ต้องช่วยตาทำไร่อ้อยเพื่อเลี้ยงดูชีวิต สามารถเข้าถึงการเรียนต่อในระดับปริญญาตรีได้”
“จะเกิด จะตาย ก็ต้องไปอำเภอ ผมว่างานที่อำเภอ เป็นอีกงานที่เข้าถึง และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด ผมจะนำความรู้ที่ได้เรียน มาช่วยเหลือและพัฒนาชุมชนที่บ้านของผม” กรวุฒิ กล่าว
“หนูมีความฝัน 2 อย่างค่ะ อยากเป็นครูคณิตศาสตร์ และพยาบาล หนูลองสอบพยาบาลที่วิทยาลัยบรมราชชนนี อุดรธานี หนูต้องสอบถึงสองครั้งถึงสอบได้ค่ะ แต่พอสอบได้แล้วต้องหาเงินจ่ายค่าเทอม หนูเลยมาทำงานที่กรุงเทพฯ ในร้านอาหารญี่ปุ่น ทำได้ 3 เดือน ทำงาน 6 วัน หยุด 1 วัน เก็บเงินได้ 20,000 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเริ่มแรก ครอบครัวหนูทำนากับกรีดยางบางครั้งไม่ได้น้ำยางเยอะค่ะ”
“ตอนที่หนูอยู่ ม.5 ครูชวนไปฝึกประสบการณ์ที่โรงพยาบาลบ้านแพง อยู่แผนกห้องฉุกเฉิน หนูได้ลองวัดสัญญาณชีพ วัดความดันโลหิต คัดกรองเบื้องต้น รู้สึกชอบ ท้าทาย ได้ทำอะไรใหม่ๆ ดูวุ่นวายแต่มีเสน่ห์”
สาวิตรี เล่าถึงแรงบันดาลใจในการเลือกเรียนพยาบาล ทุนโครงการ ‘ส่งน้องจบ ป.ตรี’ เปิดโอกาสชีวิตให้สาวิตรีได้ร่ำเรียนอย่างเต็มที่ เธอยังคงทำงานพิเศษบ้าง แต่ไม่ต้องทำงานหนักจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอนเพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายการเรียนแบบที่ผ่านมา หลังจบการศึกษาและสอบใบประกอบวิชาชีพจากสภาการพยาบาลได้ สาวิตรีเลือกที่จะทำงานประจำอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลบ้านแพง สถานที่จุดประกายความฝันให้เธอเมื่อครั้งไปฝึกประสบการณ์ตอนอยู่ ม.5 เพื่อดูแลและช่วยเหลือคนในชุมชนบ้านเกิด และเป็นกำลังหลักในการดูแลเลี้ยงดูครอบครัวของเธอ

เยาวชนเปราะบางยากไร้ที่มีภูมิลำเนา ในพื้นที่ดำเนินงานของมูลนิธิศุภนิมิตฯ สมัครขอรับทุนการศึกษา พร้อมแนบหลักฐานแสดงถึงความเป็นอยู่ที่ยากจนของครอบครัว รวมถึงหลักฐานที่แสดงการ สอบติดสถานศึกษา

คณะกรรมการระดับพื้นที่ ประกอบด้วยผู้จัดการพื้นที่โครงการพัฒนาฯ ผู้นำชุมชน ตัวแทนจากสถาบันการศึกษาที่เด็กกำลังศึกษา หรือเคยศึกษาก่อนขอรับทุน ร่วมกันตรวจสอบประวัติและความเป็นอยู่ โดยผลการเรียนเฉลี่ยต้องไม่ต่ำกว่า 2.5 รวมถึงความยินยอม ร่วมมือในการทำกิจกรรม และการรายงานผลการเรียนต่างๆ

ระดมทุนจากบุคคล หน่วยงาน องค์กร ร่วมมอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนเปราะบางยากไร้

เยาวชนที่ได้รับทุนการศึกษาส่งเอกสาร จดหมายและผลการเรียน เพื่อเป็นการขอบคุณและรายงานผลการศึกษาให้ผู้สนับสนุนทุนการ ศึกษาได้รับทราบทุกปีการศึกษา
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ร่วมมือกับ เครือข่ายทั้งภาครัฐ องค์กรส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม ผู้นำชุมชน และเครือข่าย ภาคประชาชน กำลังพยายามสนับสนุนให้เด็กเปราะบางยากไร้ที่สุดได้เข้าถึงสิทธิที่จะได้รับการพัฒนา (อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก) และเป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 4 สร้างหลักประกันว่าทุกคนมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม และสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต
“มูลนิธิศุภนิมิตฯ ทำให้เห็นว่า นี่คือการช่วยเด็กอย่างยั่งยืนทำให้เด็กมีการศึกษา มีคุณภาพชีวิตที่ดี บ้านเรามีเด็กๆ เฉลียวฉลาด และมีความสามารถอีกมากมายที่ยังด้อยโอกาส การมอบโอกาสให้เขาได้เรียนรู้ในระดับ อุดมศึกษา จะเป็นประโยชน์กับตัวเขาเอง ให้สามารถประกอบอาชีพได้มีรายได้ให้กับครอบครัว และทำประโยชน์ให้กับสังคม ถ้าเขาจบการศึกษาสูงขึ้น คุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้น”