ไม่มีการเรียนรู้ใดจะสร้างความเข้าใจให้แก่เด็กได้เท่าการสร้างประสบการณ์ร่วมโดยตรง ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย จึงได้จัดกิจกรรม “ศุภนิมิตแฟมมิน 24 ชั่วโมง” เป็นกิจกรรมเพื่อ รวมผู้กล้า อด ลด ละ เลิก “I am Hero” โดยการสัมผัสประสบการณ์ของการอดอาหาร เลือกรับประทานได้เฉพาะนม น้ำ หรือน้ำผลไม้ พร้อมกับลด ละ เลิก การใช้สิ่งฟุ่มเฟือยที่เกินความจำเป็น เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อสัมผัสประสบการณ์ความรู้สึกของเด็กยากไร้ที่อาจจะไม่มีแม้อาหารสำหรับการบริโภคได้ครบมื้อ โดยกิจกรรมในปีนี้ได้จัดขึ้นที่ โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ เมื่อวันที่ 14-15 มิถุนายน 2023 โดยมีนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 และมัธยมศึกษาปีที่ 5 เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 80 คน
ควบคู่กับการสัมผัสประสบการณ์ของการอด ลด ละ เลิก ศุภนิมิตแฟมมิน 24 ชั่วโมง ยังได้ท้าทายให้นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมคิดและลงมือทำกิจกรรมระดมทุนในรูปแบบที่ไม่เป็นการเบียดเบียนตนเอง เช่น การทำอาหารหรือขนมเพื่อจำหน่าย การเล่นดนตรีเปิดหมวก เป็นต้น โดยเงินที่ได้จากการทำกิจกรรมระดมทุนนี้จะนำไปบริจาคช่วยเหลือเด็กเปราะบางยากไร้ในโครงการ “มื้อเช้าเพื่อน้องท้องอิ่ม” เพื่อการแก้ไขปัญหาทุพโภชนาการในเด็กปฐมวัยที่เปราะบางยากไร้ในพื้นที่ดำเนินการของมูลนิธิศุภนิมิตฯ
“ตอนที่ได้รู้จักโครงการนี้ก็แปลกใจว่ามันมีด้วยเหรอ? การลองอดอาหาร หรือว่าการทำอะไรต่างๆ ที่มันเป็นประโยชน์ต่อเด็กยากไร้ ก่อนเริ่มกิจกรรมพวกเราก็มีการเลือกโจทย์ที่ท้าทายสำหรับตัวเองต่างกันออกไปค่ะ บางคนเลือกอดอาหารตามโจทย์หลักเลย แต่บางคนก็เลือกอดขนม น้ำหวาน แต่บางคนก็ตั้งใจท้าทายตัวเองด้วยการใช้จ่ายเงินไม่เกิน 100 บาทในหนึ่งวันค่ะ” ไพลิน-วลัยพรรณ นักเรียนชั้น ม. 5 เล่าความรู้สึกแรกที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้
แพนเค้ก-เพ็ญพิกา นักเรียนชั้น ม.5 เล่ากิจกรรมที่ได้ร่วมกับเพื่อนๆ ในกลุ่มช่วยกันคิดและลงมือทำเพื่อการระดมทุนนำเงินไปบริจาคให้เด็กเปราะบางยากไร้ในการเข้าร่วมกิจกรรม ‘ศุภนิมิตแฟมมิน 24ชั่วโมง’ ว่า “พวกเราช่วยกันทำป๊อปคอร์นรสต่างๆ ขายให้นักเรียนอื่นๆ ในโรงเรียนค่ะ ตอนที่ข้าวโพดกำลังสุกมันหอมน่าทานมาก แต่เรายังอยู่ในกิจกรรมแฟมมิน 24 ชั่วโมง มันท้าทายสุดๆ เลยค่ะ เพื่อนๆ กลุ่มอื่นๆ เขาก็ทำกิจกรรมต่างกันออกไป บางกลุ่มก็ทำขนมขายเหมือนพวกเรา แต่ที่หนูว่ามันสนุกมากเลยคือกลุ่มที่เล่นดนตรีเปิดหมวก เปิดร้านคาราโอเกะ ทำให้เป็นสีสันตลอดงานเลย”
สำหรับเด็กในยุคปัจจุบันที่อะไรๆ มันรวดเร็ว เข้าถึงได้สะดวก เวลาที่จะต้องอด ลด ละ เลิก ในกิจกรรมศุภนิมิตแฟมมิน 24 ชั่วโมงอาจจะยาวนาน เพื่อให้ทุกคนได้มีกิจกรรมทำ ทีมงานศุภนิมิตฯ ได้เตรียมกิจกรรมสนุกๆ สร้างประสบการณ์จริงว่าเด็กที่มีความเปราะบางยากไร้ ในชีวิตจริงเขาดำรงชีวิตอย่างไร เช่น การให้เด็กนักเรียนลองเล่นสนุกกับฐานเรียนรู้ความยากลำบากที่มีแกลลอนน้ำ 3 ลิตรเป็นอุปกรณ์หลัก สร้างประสบการณ์จริงให้เข้าใจเด็กเปราะบางยากไร้ที่อยู่ในชุมชนที่ไม่มีน้ำประปาและน้ำสะอาด และต้องเดินเท้าไปตักน้ำเพื่อนำมาใช้ในทุกๆ วัน การจัดซุ้มที่มีเพียงแสงสว่างจากเทียน ให้เด็กนักเรียนลองเข้าไปอ่านหนังสือระยะเวลาสั้นๆ สัมผัสความยากลำบากในการเรียนรู้สำหรับเด็กเปราะบางยากไร้ที่อาศัยในชุมชนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
แล้วกิจกรรม ‘ศุภนิมิตแฟมมิน 24 ชั่วโมง’ สร้างการเรียนรู้อะไรให้เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนบ้าง?
“ตอนแรกหนูเลือกใช้เงินแค่ 100 บาทในหนึ่งวันแต่หนูทำไม่ได้ หนูเลยเปลี่ยนไปอดข้าวแทน แต่แค่ตอนเช้าจนถึงเที่ยงหนูก็ทนไม่ไหวแล้วค่ะ รู้สึกไม่มีชีวิตชีวา หิวมากค่ะ แล้วเด็กที่เขาไม่มีโอกาส เขาทนได้อย่างไร แค่นี้เรายังทำแทบไม่ไหวเลย หนูได้ประสบการณ์ความหิวแบบเต็มๆ เลยค่ะ หนูว่ามันมีค่ามากสำหรับหนู” พู่กัน-ธิดารัตน์ นักเรียนชั้นม.3 กล่าวถึงประสบการณ์ที่ได้รับ
สำหรับกิจกรรม ‘ศุภนิมิตแฟมมิน 24 ชั่วโมง’ ในครั้งนี้ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ต้องขอขอบพระคุณ ‘โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์’ เป็นอย่างสูงที่ร่วมสนับสนุนการปลูกฝังประสบการณ์ไว้กับเด็กๆ เพื่อเติบโตไปเป็นรากฐานการให้ความช่วยเหลือแก่สังคม
ไฮไลต์สำคัญของการประชุมในครั้งนี้คือการร่วมกันระดมความคิด ถกประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ ถึงความรุนแรงและความแร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา โดยขอยกตัวอย่างเสียงสะท้อนจากกลุ่ม อาสาสมัครแรงงานต่างชาติ หรือ อสต. ที่ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา
“ที่โรงพยาบาลแม่สอดมีล่ามเถื่อน ที่เรียกว่าล่ามเถื่อน เพราะเขาเป็นล่ามให้คนไข้และเก็บตังค์จากคนไข้เยอะ แทนที่คนไข้จะได้จ่ายตังค์ค่ารักษาพยาบาลแต่ต้องมาจ่ายให้ล่าม หนูเลยได้ไปอยู่ในฝ่ายการเงิน เพื่อเป็นล่ามแปลภาษาให้ระหว่างคนไข้กับโรงพยาบาล มีเคสหนึ่งเขาพูดพม่าได้อย่างเดียว แล้วมาเจอล่ามเถื่อน คนไข้ต้องซื้อทั้งข้าว ซื้อน้ำ และให้เงินล่ามเป็นหลายวันเลย พอมาบอกทีหลังเราก็ช่วยอะไรไม่ได้” น้องวิ อู่ไนจา อสต. อ.แม่สอด จ.ตาก
ด้าน น้องชู แอซู อสต. อ.แม่สอด จ.ตาก ที่ต้องลงพื้นที่ไปหาคนไข้ในพื้นที่แม่สอด เล่าให้ฟังว่า “เราช่วยได้ก็ไปแจกมุ้ง แจกน้ำมัน ผงซักฟอก แต่จริงๆ คนที่อยู่ในพื้นที่ละแวกนั้นไม่มีคลินิก ถ้าเจ็บป่วยขึ้นมาจะมีหมอจากคลินิกแม่ตาว มาทุกวันศุกร์ สัปดาห์ละครั้ง ซึ่งค่อนข้างไกล ผมเลยคิดว่าถ้าเราแจกยาสามัญประจำบ้านให้เขาเลยน่าจะดีกว่า เพื่อช่วยรักษาและบรรเทาอาการเบื้องต้น”
ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐเองก็มองถึงปัญหาด้านของการสื่อสาร การประสานงานเป็นปัญหาการดำเนินงานในระดับต้นๆ และด้วยกลไกการทำงานของมูลนิธิศุภนิมิตฯ มีส่วนช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น ทั้งการช่วยประสานงานระหว่างหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ตลอดจนการทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้แรงงานทราบถึงสิทธิต่างๆของตนในภาษาต่างๆ
คุณปัณณวัฒน์ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ การเชื่อมโยงความรู้ระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐ และกลุ่มอาสาสมัคร ครั้งนี้มันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หน่วยงานต่างๆ ได้มีโอกาสรับรู้การทำงานของแต่ละหน่วยงาน เขาเห็นความเชื่อมโยงมากขึ้นโดยมีมูลนิธิศุภนิมิตฯ เป็นตัวกลางและกระจายแนวทางการแก้ไขปัญหาไปให้ตรงจุด”
