น้ำท่วมเชียงรายในครั้งนี้หนักสุดในรอบ 40 ปี ทำให้ชาวบ้านกว่า 70 คน ต้องหนีน้ำทิ้งบ้าน หอบเสื้อผ้าและของใช้จำเป็น เข้ามาอยู่ที่สถานที่พักพิงชั่วคราว ที่มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยจัดตั้งขึ้น แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์น้ำส่วนใหญ่จะลดลงและดีขึ้นบ้างแล้วแต่ไม่ใช่ที่บ้านของ “จ๋า” คุณแม่ลูกอ่อนวัย 7 เดือน
“บ้านหนูน้ำท่วมมิดหลังคาเลยค่ะ เพราะบ้านอยู่ทางน้ำผ่าน จริงๆ ก็พอรู้ข่าวว่าน้ำจะขึ้นเลยเตรียมตัวเก็บของ แต่คืนนั้นนอนไม่หลับเลย กังวลไปหมดว่าจะทำยังไงดี ลูกก็ยังเล็ก จะหนีไปอยู่ที่ไหน ใครจะมาช่วยเรา” จ๋า เล่าเหตุการณ์ก่อนน้ำจะท่วมบ้าน
แม้จะทราบข่าวการแจ้งเตือนเรื่องระดับน้ำจากทางภาครัฐและได้มีการเตรียมตัวเพื่อรับมือแล้ว แต่วิกฤตที่เจอครั้งนี้สาหัสกว่าที่ผ่านมา และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องจริง เมื่อพนังกั้นแม่น้ำกกบริเวณหมู่บ้านแตก มวลน้ำมหาศาลไหลบ่าเข้าท่วมหมู่บ้านอย่างรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน
“น้ำมาเร็วมากค่ะ เรารีบพาลูกหนีออกมาพร้อมของใช้ที่จำเป็น มันน่ากลัวมาก แต่โชคดีที่มีมูลนิธิศุภนิมิตฯ มาช่วยพาเราไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว รู้สึกดีใจมากที่มีคนช่วยในช่วงที่ลำบาก หลังจากน้ำลดคงต้องกลับไปซ่อมบ้าน ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไง แต่วันนี้อย่างน้อยเราก็ยังมีชีวิตและกำลังใจที่จะสู้ต่อค่ะ”
เช่นเดียวกับ “ยายนิ่ว” ชาวบ้านจากหมู่บ้านฟาร์มสัมพันธกิจ “ตอนนี้น้ำที่บ้านลดแล้ว แต่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ลูกๆ โทรมาจะมารับกลับ แต่แม่บอกว่ายังไม่ต้อง ตอนนี้อยู่ที่นี่สบายดี มีที่พัก มีหมอพยาบาลดูแล รอทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยก่อนค่อยกลับ ไม่ต้องห่วงแม่เลย”
เป็นเวลา 4 วันแล้วที่ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เปิดศูนย์ศุภนิมิตเพื่อการพัฒนาจังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่พักพิงชั่วคราว รองรับผู้ประสบอุทกภัย 69 คน อาสมัครกู้ภัยที่เข้ามาปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ 136 คน นอกจากนั้นเรายังได้ดำเนินโครงการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ โดยการแจกจ่ายถุงยังชีพซึ่งมีทั้งจากมูลนิธิศุภนิมิตฯ และจากการบริจาคจากหน่วยงานราชการ เอกชน ภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไป ซึ่งเข้าถึงผู้ประสบอุกภัยอีกกว่า 2,800 คน