ในพื้นที่ชายแดนไทย–เมียนมา ในอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก โรงเรียนเล็ก ๆ ในชนบทต่างทำหน้าที่มากกว่าเป็นสถาบันการศึกษา แต่เป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้และที่พักพิงสำหรับเด็ก ๆ จากครอบครัวยากจนและห่างไกล
ด้วยประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและหลายครอบครัวยังไม่มีสัญชาติไทย ส่งผลให้ขาดสิทธิพื้นฐานและโอกาสในการเข้าถึงบริการของรัฐ ทั้งผู้ปกครองส่วนใหญ่มีรายได้ไม่แน่นอนจากการทำเกษตรกรรมและรับจ้าง ไม่สามารถสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเรียนของบุตรหลานได้อย่างเต็มที่
แม้โรงเรียนจะมีคุณภาพการเรียนการสอนที่ดีและไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ปัญหาหอพักนักเรียนที่ทรุดโทรมและไม่เพียงพอ กลับเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเรียนรู้และความปลอดภัยของเด็ก ๆ โดยเฉพาะนักเรียนหญิงที่ต้องอาศัยอยู่ในบ้านพักอย่างแออัด ไม่เหมาะสมและยังส่งผลเสียต่อลักษณะสุขอนามัยที่ดี
นายประสงค์ ศรีพิทักษ์ดำรง หรือ “หัวหน้าไนซ์” ผู้จัดการกลุ่มโครงการพัฒนาฯ จังหวัดตาก ให้ข้อมูลว่า “ปัจจุบันมีนักเรียนพักในหอพักนักเรียน มีกว่า 70 คน มีนักเรียนชาย 27 คน ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิง โดยที่โรงเรียนมีหอพักชาย 2 หลัง และหอพักหญิง 2 หลัง ซึ่งมีขนาดเล็กและเก่ามาก โดยเฉพาะนักเรียนหญิงส่วนหนึ่งต้องใช้บ้านพักครูเป็นที่พักของนักเรียนด้วย เพราะห้องพักไม่เพียงพอ การก่อสร้างหอพักนักเรียนหญิงในครั้งนี้จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อให้เด็กหญิงได้มีที่พักอาศัยที่มั่นคง แข็งแรง ปลอดภัย และถูกสุขลักษณะครับ”
ตอนนี้เด็กหญิงบ้านไกลได้เข้าพักในหอพักหลังใหม่แล้ว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคติดต่อและอันตรายจากสภาพแวดล้อมเดิม พร้อมส่งเสริมสุขภาพกาย สุขภาพจิต และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
เด็กหญิงอรพิน หรือ ‘น้องลาปี’ อายุ 14 ปี กล่าวว่า “หอพักหลังใหม่เป็นของขวัญชิ้นใหม่และใหญ่ที่สุดของหนูเลยค่ะ หนูและเพื่อน ๆ มีความสุขมากที่ได้พักในหอพักหลังใหม่ แต่นี้ไปหนูและเพื่อน ๆ ไม่ต้องนอนเบียดเสียด อึดอัดเหมือนที่ผ่านมาแล้วค่ะ”
เช่นเดียวกับ เด็กหญิงอรณิชา หรือ ‘น้องนิชา’ เสริมว่า “หอพักหลังใหม่ มีที่ให้หนูและเพื่อน ๆ นั่งเล่น นั่งทำการบ้านด้วยค่ะ และที่สำคัญห้องน้ำใหม่ สะอาดและน่าใช้มากค่ะ ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีนะครับ ที่มอบของขวัญชิ้นนี้ให้กับพวกเรา ขอบคุณค่ะ”
ในระยะยาว หอพักหลังใหม่นี้จะมีอายุการใช้งานประมาณ 30 ปี รองรับนักเรียนหมุนเวียนได้ไม่น้อยกว่า 300 คน ตลอดช่วงอายุอาคาร ช่วยเพิ่มโอกาสในการศึกษาต่อ ลดภาวะเด็กหลุดจากระบบการศึกษา และสร้างพื้นที่แห่งความปลอดภัย (Child Safe Space) ที่ส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์ สังคม และการเรียนรู้ของเด็ก ๆ อย่างยั่งยืน
“ภูมิใจครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินโครงการฯ ครั้งนี้ ผมหวังว่าหอพักนักเรียนนี้จะไม่เพียงเป็นการสร้างสถานที่ให้นักเรียนบ้านไกลมีที่พักที่ปลอดภัยและเหมาะสมเท่านั้น แต่จะเป็นสถานที่แห่งความหวังและกำลังใจ เพื่อเป็นแรงผลักดันให้เด็ก ๆ ที่นี่เห็นถึงความสำคัญของการศึกษา เป็นการเพิ่มต้นทุนและโอกาสในการมีอนาคตที่ดีต่อไปในวันข้างหน้า ในนามมูลนิธิศุภนิมิตฯ ผมขอเป็นตัวแทนขอบคุณผู้สนับสนุน ที่เห็นความสำคัญของเด็ก ๆ และสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ขอบคุณครับ” หัวหน้าไนซ์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม


