เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ได้จัดกิจกรรม ‘Afternoon Tea’ ขึ้นในบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ณ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริจาคทั้งรายเก่าและรายใหม่ พร้อมทั้งระดมทุนเข้าสู่กองทุนการศึกษา ภายใต้โครงการ ‘ส่งน้องจบ ป.ตรี’ ซึ่งมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษา ได้มีโอกาสเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา
งานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้บริจาคเข้าร่วมที่เป็นผู้หญิงล้วน สะท้อนถึงพลังของผู้หญิงในการขับเคลื่อนสังคมด้านการศึกษา โดยมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองจากผู้หญิง 4 ท่านที่ขึ้นเวทีเพื่อแบ่งปันเรื่องราวและความสำคัญของการศึกษา
คุณรสลิน โกแวร์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย กล่าวต้อนรับผู้บริจาคและเล่าถึงพันธกิจของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ว่า
“เราทำงานโดยยึดหลักความอยู่ดีมีสุขของเด็กเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเด็กจากเชื้อชาติหรือศาสนาใดก็ตาม เราเชื่อว่าการศึกษาคือกุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนชีวิตของเด็กคนหนึ่งให้เติบโตอย่างมีคุณภาพและมีอนาคตที่มั่นคง”
พร้อมทั้งแนะนำ โครงการส่งน้องจบ ป.ตรี “โครงการส่งน้อง จบ ป.ตรี เป็นความตั้งใจของเราในการเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลน ได้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษา เพื่อให้พวกเขามีโอกาสประกอบอาชีพที่มั่นคง และสามารถกลับไปพัฒนาชุมชนของตนเองได้อย่างยั่งยืน”
ในงานนี้คุณลอร่า ศศิธร วัฒนกุล สมาชิกคณะกรรมการอำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ได้แบ่งปันประสบการณ์ในฐานะครูที่ทำงานใกล้ชิดกับเด็ก ๆ โดยกล่าวถึงความสำคัญของการศึกษาว่า คือสิ่งที่สามารถเปิดประตูให้พวกเขาได้เห็นโลกกว้าง และกลายเป็นคนที่สามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้ในอนาคต
เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสถึงความรู้สึกของการขาดโอกาสทางการศึกษาอย่างลึกซึ้ง คุณลอร่าได้เชิญชวนทุกคนร่วมกิจกรรมเล็ก ๆ โดยให้ทุกคนลอง กลั้นหายใจ เป็นเวลาสั้น ๆ
“เด็กที่ไม่ได้เรียนหนังสือ ก็เหมือนอาการที่เราหายใจไม่ออก มันคือการขาดสิ่งจำเป็นที่สุดในการมีชีวิตอยู่และเติบโตอย่างมีคุณภาพ” คุณลอร่ากล่าว
กิจกรรมนี้สร้างความประทับใจและสะท้อนถึงความจำเป็นของการศึกษาที่ไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้ แต่คือพื้นฐานของการมีชีวิตที่มีคุณค่า
คุณเก๋ ชลลดา แอมบาสเดอร์ของมูลนิธิศุภนิมิตฯ และผู้อุปการะเด็กได้แบ่งปันประสบการณ์ในฐานะผู้ให้ว่า “ทุกครั้งที่เห็นเด็กที่เราเคยสนับสนุนเติบโต มีงานทำ และกลับไปช่วยเหลือชุมชนของตัวเอง มันคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด การให้โอกาสทางการศึกษาไม่ใช่แค่เปลี่ยนชีวิตเขา แต่ยังเปลี่ยนชีวิตของคนรอบข้างเขาด้วย”
ในงานนี้ ยังมีอดีตเด็กในความอุปการะเข้าร่วมด้วย คือ นางสาวอำไพ นเรนทร (โบว์) และยังเป็นผู้ได้รับทุนการศึกษาโครงการส่งน้องจบ ป.ตรี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะวนศาสตร์ ปัจจุบันเป็นรุกขกร (นักวิชาชีพจัดการและดูแลต้นไม้ใหญ่)
“ถ้าวันนั้นไม่มีมูลนิธิศุภนิมิตฯ ไม่มีผู้บริจาค หนูคงไม่มีวันนี้ หนูได้เรียนในสิ่งที่รัก ได้ทำงานที่มั่นคง และได้กลับไปดูแลชุมชนของตัวเอง ขอบคุณทุกคนที่เชื่อในพลังของเด็กคนหนึ่งค่ะ” น้องโบว์กล่าว
บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความอบอุ่น และแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของผู้พูดทุกท่าน ซึ่งช่วยตอกย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของเด็กคนหนึ่งให้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและพร้อมส่งต่อคุณค่าให้กับสังคม
และงานนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากมูลนิธิศุภนิมิตฯ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากโรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ที่ร่วมเป็นหุ้นส่วนในการจัดงาน พร้อมสนับสนุนสถานที่เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมอนาคตทางการศึกษาให้เด็ก ๆ และเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยขอขอบคุณผู้บริจาคทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็ก ๆ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เด็กทุกคนได้มีโอกาส ‘จบ ป.ตรี’ อย่างภาคภูมิ
