ความร่วมมือของมูลนิธิศุภนิมิตฯ และมูลนิธิดรีมลอปเม้นท์ เพื่อส่งเสริมหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในประเทศไทย
ในปี 2568 การโยกย้ายถิ่นฐานยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดพัฒนาการทางสังคม ประชากรศาสตร์ และเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้วยทำเลที่ตั้งใจกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยจึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางของแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยแรงจูงใจจากเศรษฐกิจที่มั่นคง โครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงวัย และความต้องการแรงงานในหลายภาคส่วน
ข้อมูลจากสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กระทรวงแรงงาน (เมษายน 2568) ระบุว่ามีแรงงานข้ามชาติในประเทศไทยกว่า 4.15 ล้านคน โดยกว่า 1 ล้านคนไม่มีเอกสาร และมีเด็กที่อาศัยอยู่ในประเทศราว 300,000–400,000 คน แม้รัฐบาลไทยจะมีนโยบายด้านสุขภาพสำหรับประชากรข้ามชาติ แต่ข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการยังคงเป็นอุปสรรค โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่มีเอกสาร ซึ่งมักอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะผู้หญิงข้ามชาติที่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพทางเพศและอนามัยเจริญพันธุ์ ซึ่งส่งผลต่ออัตราการเสียชีวิตของมารดา
ประกันสุขภาพทางเลือกเพื่อความเท่าเทียม
นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2560 มูลนิธิดรีมลอปเม้นท์ (Dreamlopments Foundation) ได้มุ่งมั่นลดช่องว่างของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในประเทศไทย ผ่านโครงการ “กองทุนสุขภาพประชากรข้ามชาติ” หรือ M-FUND ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อการเข้าถึงบริการสุขภาพทางเลือกที่ไม่แสวงหากำไร โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพให้แก่ประชากรข้ามชาติที่ไม่มีเอกสาร บุคคลไร้สัญชาติ และชุมชนข้ามพรมแดนที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการประกันสุขภาพของรัฐหรือเอกชนที่มีอยู่เดิมได้
สิ่งที่ทำให้ M-FUND แตกต่างจากระบบประกันสุขภาพทั่วไป คือการยึดหลัก “ประโยชน์สาธารณะ” มากกว่า “ผลกำไร” และการออกแบบระบบบริการที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยดำเนินงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและเครือข่ายในระดับพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มเปราะบางได้รับความคุ้มครองด้านสุขภาพอย่างทั่วถึงและยั่งยืน
M-FUND 5.0: ประกันสุขภาพเล็ก ๆ ที่สร้างผลลัพธ์ใหญ่
ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 M-FUND ได้เปิดตัว “แผน 5.0” ซึ่งให้ความคุ้มครองปัญหาสุขภาพหลัก ๆ รวมถึงการดูแลสุขภาพ
แบบองค์รวม สมาชิกสามารถใช้บริการผู้ป่วยนอกได้สูงสุด 5,000 บาท และผู้ป่วยในสูงสุด 45,000 บาทต่อคนต่อปี โดยมีแผนเงินสมทบหลายรูปแบบ ได้แก่ แผนสุขภาพดี 130 บาท/เดือน แผนโรงเรียน 100 บาท/เดือน (สำหรับเด็กในศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็กข้ามชาติ) และแผนกลุ่มพิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ 230 บาท/เดือน สมาชิกตั้งครรภ์ และผู้ป่วยเรื้อรัง 330 บาท/เดือน โดยสมาชิกกลุ่มพิเศษต้องแนะนำสมาชิกสุขภาพดีใหม่ 2 คนเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อช่วยขยายการเข้าถึงบริการสุขภาพให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
M-FUND ใช้ตัวชี้วัด “อัตราส่วนค่ารักษาพยาบาลต่อเงินสมทบ” ในการประเมินความยั่งยืน ซึ่งแสดงให้เห็นการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นจากค่าเฉลี่ย 4.0 หมายความว่าค่ารักษาพยาบาลสูงกว่าเงินสมทบของสมาชิกถึง 4 เท่า ในปี 2567 อัตราส่วนลดลงเหลือ 1.05 แสดงว่าเงินสมทบครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลได้ถึง 95% และล่าสุดในช่วงเดือนมกราคม–เมษายน 2568 อยู่ที่ 0.95 หมายความว่าเงินสมทบเกินกว่าค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ทั้งหมด 5% ตัวเลขนี้สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และแนวโน้มความยั่งยืนของโครงการในระยะยาว
ปัจจุบัน M-FUND มีเจ้าหน้าที่ประจำใน 8 จังหวัดชายแดน ได้แก่ ตาก กาญจนบุรี สระแก้ว เชียงราย อุบลราชธานี ตราด แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ พร้อมให้บริการในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศผ่านระบบลงทะเบียนออนไลน์ เช่น กรุงเทพมหานคร ลำปาง ภูเก็ต สมุทรสาคร และสุราษฎร์ธานี ณ เดือนมีนาคม 2568 M-FUND มีสมาชิกลงทะเบียนกว่า 93,000 ราย ให้บริการผู้ป่วยนอกมากกว่า 142,000 ครั้ง และให้การรักษาในโรงพยาบาลกว่า 19,000 ครั้ง นอกจากนี้ M-FUND ยังเป็นพันธมิตรกับโรงพยาบาลกว่า 250 แห่งทั่วประเทศ สะท้อนถึงการขยายตัวของโครงการและความเชื่อมั่นจากภาคส่วนต่าง ๆ ในระบบสุขภาพไทย
แม้ประเทศไทยจะมุ่งสู่หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health Coverage) แต่ประชากรข้ามชาติ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีเอกสารประจำตัว ยังคงเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพอย่างทั่วถึง ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบสุขภาพในปัจจุบัน M-FUND จึงเป็นนวัตกรรมเชิงระบบที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ผ่านรูปแบบ “การคุ้มครองขนาดเล็ก” ที่ตั้งอยู่บนหลักการของ “การดูแลสุขภาพที่เน้นคุณค่า (Value-Based Health Care)” โดยให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ด้านสุขภาพมากกว่าต้นทุนทางการแพทย์ อนาคตของระบบสุขภาพควรมุ่งเน้นการเข้าถึงบริการที่ครอบคลุมและกระจายตัวมากขึ้น การดูแลที่เชื่อมโยงและประสานงานอย่างต่อเนื่อง การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเสริมพลังให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเครือข่ายอาสาสมัคร เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขต่างชาติ (อสต.)
M-FUND กับภารกิจเพื่อทุกคน ทุกพื้นที่
M-FUND ยังคงขยายขอบเขตการดำเนินงานครอบคลุมทุกจังหวัดในประเทศไทย พร้อมสร้างความร่วมมือกับโรงพยาบาลแห่งใหม่ทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ได้แก่
• ความร่วมมือข้ามพรมแดน M-FUND ได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศกัมพูชา เมียนมา และมาเลเซีย โดยเฉพาะในจังหวัดตาก ได้มีการจัดประชุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งมีองค์กรภาคประชาสังคม (CBOs/CSOs) จำนวน 10 แห่งเข้าร่วม เช่น กลุ่มแรงงานสุขภาพแบกเป้ (Backpack Health Workers), โฟร์ริเวอร์แอคส์ (Four River Acts), หน่วยงานการศึกษาของคณะกรรมการผู้ลี้ภัยกะเหรี่ยง (Karen Refugee Committee Education Entity), กรมอนามัยและสวัสดิการกะเหรี่ยง (Karen Department of Health and Welfare) และสมาคมแพทย์พม่า (Burma Medical Association) เป็นต้น
• การเสริมสร้างศักยภาพเจ้าหน้าที่ภาคสนามและอาสาสมัคร มูลนิธิศุภนิมิตฯ และมูลนิธิเพื่อสิทธิความหลากหลาย (FAIR) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรรับทุนย่อยภายใต้โครงการยุติปัญหาวัณโรคและเอดส์ด้วยชุดบริการ RRTTPR ประจำปี 2567–2569 ร่วมส่งเสริมความรู้ด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนแก่เจ้าหน้าที่ภาคสนามและอาสาสมัครที่ทำงานกับมูลนิธิดรีมลอปเม้นท์ ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ตาก แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี และพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศกัมพูชาและเมียนมา โดยเน้นการบูรณาการแนวคิดสิทธิมนุษยชน การต่อต้านการตีตรา และกฎหมายเบื้องต้น เพื่อขยายความคุ้มครองการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างไม่เลือกปฏิบัติ และเพิ่มศักยภาพในการส่งต่อประชากรข้ามชาติให้เข้าถึงความช่วยเหลือ และขยายบทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุขต่างชาติ (อสต.)
• แผนความร่วมมือปี 2568 มูลนิธิศุภนิมิตฯ และมูลนิธิดรีมลอปเม้นท์ จะร่วมกันขยายการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขต่างชาติ (อสต.) เพื่อขยายการเข้าถึงบริการของ M-FUND อย่างไม่เลือกปฏิบัติในพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ สุราษฎร์ธานี พังงา ระนอง และอาจรวมถึงกรุงเทพมหานคร โดยการฝึกอบรมจะมุ่งเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับระบบ M-FUND พร้อมคัดเลือกอาสาสมัครที่มีศักยภาพเพื่อพัฒนาเป็น Community Relays (CRs) ซึ่งจะเป็นเครือข่ายสนับสนุนในระดับชุมชน เพื่อส่งเสริมการลงทะเบียน การต่ออายุ และการให้บริการแก่สมาชิก M-FUND ทั่วประเทศ
มูลนิธิศุภนิมิตฯ กับการผลักดัน M-FUND สู่ชุมชน
ปัจจุบัน โครงการ M-FUND ดำเนินการโดยมูลนิธิดรีมลอปเม้นท์ โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนโลก ผ่านมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยในฐานะผู้รับทุนหลัก เพื่อสนับสนุนแผนงานด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เพศสภาพ และการเสริมสร้างระบบชุมชน ภายใต้ “โครงการยุติปัญหาวัณโรคและเอดส์ด้วยชุดบริการ RRTTPR ประจำปี 2567–2569 (STAR 4)” การสนับสนุนจากมูลนิธิศุภนิมิตฯ ไม่เพียงเป็นการสนับสนุนทางการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการส่งเสริมแนวทางการทำงานที่ยึดชุมชนเป็นศูนย์กลาง การพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ภาคสนาม และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคีทั้งในระดับพื้นที่และระดับประเทศ
บทบาทของมูลนิธิศุภนิมิตฯ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อน M-FUND ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เปราะบางที่สุดในสังคม และเป็นพลังสนับสนุนเบื้องหลังความสำเร็จของโครงการในฐานะนวัตกรรมด้านสุขภาพที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สุดท้าย M-FUND ไม่เพียงเป็นโครงการประกันสุขภาพ แต่ยังเป็นเครื่องมือแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ระบบสุขภาพที่ยั่งยืนและเท่าเทียม


