รู้หรือไม่ เด็กนักเรียนจากครัวเรือนยากจนและยากจนพิเศษมีเพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้น ที่สามารถเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาได้ เพราะค่าใช้จ่ายนั้นสูงถึง 12 เท่าของรายได้ในครัวเรือนยากจนพิเศษ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ทุนการศึกษา คือปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การตัดสินใจเรียนต่อ (อ้างอิงจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา)
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย โดยการสนับสนุนของผู้บริจาค ได้มีการดำเนินงาน โครงการส่งน้องจบ ป.ตรี มาตั้งแต่ปี 2011 เพื่อช่วยเหลือเด็กเปราะบางยากไร้ที่มีความมุ่งมั่นในการเรียนต่อระดับปริญญาตรี หรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง แต่ขาดทุนทรัพย์ โดยการมอบทุนการศึกษาซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาเพื่อให้พวกเขามีโอกาสได้เรียนต่อ
โครงการส่งน้องจบ ป.ตรี ได้ดำเนินงานต่อเนื่องมากว่า 13 ปีแล้ว และได้สร้างบัณฑิตไปแล้วกว่า 400 คน โดยในปัจจุบันมีเหล่านักเรียนทุนที่กำลังศึกษาอยู่จำนวน 114 คน กำลังก้าวเดินสู่โอกาสที่จะมีอาชีพที่ดีภายหลังจากจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี
นอกเหนือจากโอกาสด้านการศึกษาแล้ว ในการดำเนินงาน โครงการส่งน้องจบ ป.ตรี ยังให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์เพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นพร้อมการพัฒนาศักยภาพให้แก่นักเรียนทุนในโครงการฯ ด้วย โดยล่าสุดเมื่อมีนาคมที่ผ่านมาได้มีการจัด กิจกรรมเสริมศักยภาพเยาวชนโครงการทุนการศึกษา – โครงการส่งน้องจบ ป.ตรี ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีกับการรวมตัวของผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาจากโครงการส่งน้องจบ ป.ตรี จากทุกภูมิภาค ให้มาพบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน หนุนใจให้เกิดพลังที่จะสามารถเผชิญกับทุกความท้าทายในชีวิตมหาวิทยาลัย และร่วมกิจกรรมเพื่อการพัฒนาศักยภาพให้กับเหล่านักเรียนทุนด้วย
เริ่มต้นวันด้วยเวิร์กชอป “Brain Coaching For Faster Success” จาก โค้ชเพียว-ดร.วีรพงษ์ ศรัทธาผล นักสร้างสมองแห่งความสำเร็จ รุ่นพี่จากโครงการอุปการะเด็ก มูลนิธิศุภนิมิตฯ พามารู้จักกลไกการทำงานของสมองเพื่อความสำเร็จในอนาคต
เก็บโค้ดลับเสริมพลังใจต่อในช่วงบ่าย ด้วยการเติมความรู้อย่างเต็มอิ่มกับ เวทีเสวนา “Youth Ready เตรียมความพร้อมเยาวชนก้าวสู่การทำงานและชีวิต” โดยกูรูผู้มากประสบการณ์ นำโดย ดร.สราวุธ ราชศรีเมือง ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตฯ Miss Lydia Lim Qin Yun ผู้จัดการฝ่ายจัดหาแหล่งทุนและนวัตกรรมการตลาดดิจิทัล คุณปุณยนุช วรนิธิพงศ์ ผู้บริหาร บริษัท ทูโก จำกัด คุณเรณุกา วงศ์วิริยะธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด คุณอิสรียาห์ ประดับเวทย์ Co-Founder/Co-CEO Tech-Start Up บริษัท ฟู๊ดซีรีย์ แอนด์ โค จำกัด มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การเรียน การทำงาน การใช้ชีวิต เพื่อเป็นต้นแบบ แนวทาง และข้อคิดในการดำเนินชีวิตให้ผู้ได้รับทุนการศึกษา
ดร.สราวุธ ราชศรีเมือง ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้แบ่งปันประสบการณ์กับเหล่าเยาวชนผู้ได้รับทุนการศึกษาว่า “ให้สนุกกับทุกช่วงจังหวะของชีวิต เรียนรู้กับมันให้ได้มากที่สุด และพยายามมีทัศนคติที่ดี ว่าสิ่งที่เราทำแม้มันไม่สนุก ไม่ชอบ แต่มันจะมีประโยชน์กับเราในอนาคต ยิ่งเราทำมาก ยิ่งมีประสบการณ์มาก เมื่อมาผูกกับการทำงาน เขาเรียกว่าประสบการณ์การทำงาน เราจะมีมูลค่าสูงกว่าคนอื่นที่มีประสบการณ์ทำงานน้อยกว่าเรา ในช่วงอายุเท่ากัน”
ในนามผู้อุปการะ คุณเรณุกา วงศ์วิริยะธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด ได้ให้เกียรติเปิดเผยถึงความรู้สึกว่า “รู้สึกภูมิใจมากที่ปัจจัยของเราสามารถให้โอกาสเด็กหลายคนเข้าถึงระบบการศึกษา น้องๆ ที่นี่ก็ต้องภูมิใจในตัวเองเพราะว่าเป็นคนที่ได้โอกาส และสร้างโอกาสให้กับตัวเองได้ ตอนนี้เราได้โอกาส มีคนให้โอกาสเรา หลังจากที่เราเรียนจบ ดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวได้แล้ว ถึงระดับที่เราอยู่ตัวแล้ว อยากจะให้เด็กๆ ให้โอกาสเด็กคนอื่นที่ตอนนี้อาจจะเป็นเหมือนพวกเรา ถ้าเราให้โอกาสเขาได้ เขาก็จะมีพื้นที่ยืนอยู่ในสังคมมากขึ้น” ถือเป็นอีกหนึ่งข้อคิดและคติเตือนใจให้ผู้ได้รับทุนตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างสังคมแห่งการให้และการแบ่งปันอย่างไม่สิ้นสุด
ในวันเดียวกันนี้ ตัวแทนผู้ได้รับทุนการศึกษาจากโครงการส่งน้องจบ ป.ตรี ได้มาร่วมถ่ายทอดความรู้สึก แบ่งปันความตื้นตันใจ ยิ่งเป็นการฉายภาพให้เห็นชัดถึงคุณค่าอันประเมินไม่ได้ของทุนการศึกษาในครั้งนี้
“ขอบคุณที่ให้โอกาสผม และเด็กอีกหลายคนที่ได้โอกาสดีๆ จากมูลนิธิศุภนิมิตฯ มันเป็นโครงการที่ดีมาก สิ่งที่พวกผมได้มาไม่ใช่แค่ทุนการศึกษา ไม่ใช่แค่อุปกรณ์การเรียน หรือการได้เข้าร่วมอบรมค่ายต่างๆ มันคือความรู้ ทุนการศึกษานี้มันไม่ใช่แค่เงินก้อนหนึ่งที่ได้มาแล้วหมดไป แต่มันคือโอกาสที่ทำให้เรามีความรู้ สามารถนำไปต่อยอดในอนาคตได้” ไตเติ้ล ธนธัช อายุ 22 ปี กำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล ผู้ได้รับทุนการศึกษาจากโครงการส่งน้องจบ ป.ตรี กล่าว ด้วยภาระหน้าที่ของไตเติ้ล ทั้งต้องหาเงินส่งตัวเองและน้องสาวเรียน การได้รับทุนการศึกษาจากโครงการส่งน้องจบ ป.ตรี ในครั้งนี้นอกจะช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้ง ยังเป็นโอกาสที่จะทำให้เขาได้ก้าวสู่การมีหน้าที่การงานที่สามารถพึ่งพาตนเอง รวมถึงดูแลครอบครัวของเขาได้ด้วย
ด้านไนท์ กรวุฒิ กำลังศึกษาในระดับชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยการเมืองการปกครอง สาขารัฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้ได้รับทุนการศึกษาจากโครงการส่งน้องจบ ป.ตรี เล่าให้ฟังว่าเมื่อมาเรียนในระดับอุดมศึกษา ทั้งค่าหนังสือ อุปกรณ์การเรียน ค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับการเรียนแตกต่างจากช่วงมัธยมศึกษาอย่างสิ้นเชิง ทุนการศึกษาในครั้งนี้ จึงเป็นเหมือนบ่อน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงไนท์เสมอมา “ทุนนี้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้เกือบทุกอย่างของผม ผมใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด ผมว่าเงินหลักหมื่นของแต่ละคนไม่เท่ากัน สำหรับผมมันเท่าหลักแสน หลักล้าน คุณค่าของเงินมันมีมากสำหรับผม”
โครงการส่งน้องจบ ป.ตรี ไม่ใช่เพียงแค่ปัจจัยที่หนุนการศึกษาของเด็กยากไร้เท่านั้น แต่เป็นการมอบโอกาสทางการศึกษาที่ยั่งยืนสนับสนุนให้เด็กทุกคนเข้าถึงการศึกษาทีมีคุณภาพและเท่าเทียม เพื่อให้เขาได้หลุดพ้นจากวงจรความยากจน และสามารถเติบโตไปตามวิถีของตนเองได้อย่างเต็มกำลัง