ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นว่าเด็กทุกคนมีศักยภาพที่จะเติบโตเป็นคนดีและมีคุณภาพ สร้างประโยชน์ให้กับสังคมในอนาคต คุณจ๊าด-นุชนภา ผู้อุปการะที่เดินทางเคียงคู่กับมูลนิธิศุภนิมิตฯ มานาน 20 ปี ผู้ที่ได้พิสูจน์แล้วว่าการให้ไม่ใช่การเสียสิ่งของไป แต่เป็นการได้รับความสุขและความหมายในชีวิตกลับคืนมา “พอมาอุปการะเด็ก สิ่งที่เราต้องรู้คือนี่ไม่ใช่การลงทุนเพื่อผลตอบแทนทางการเงิน แต่เป็นการลงทุนทางใจ เมื่อมีความพร้อมทั้งใจและเงิน มันจะเป็นการอุปการะที่มีความสุข ครบทุกมิติ”
หลังจากสองทศวรรษแห่งการให้อย่างต่อเนื่อง เธอไม่เพียงเห็นเด็กคนที่เธออุปการะเติบโตและประสบความสำเร็จ แต่ยังค้นพบว่าตัวเองก็ได้รับสิ่งมีค่ากลับมามากกว่าที่คิด นั่นคือความรู้สึกว่าชีวิตนี้มีความหมาย และการได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ดีให้กับคนรุ่นใหม่
พอย้อนถามถึง ‘เหตุผล’ ของการให้ คุณจ๊าด พาเราไปรู้จักกับครอบครัวผู้อยู่เบื้องหลังและแรงบันดาลใจ “ครอบครัวของพี่เป็นครอบครัวนักธุรกิจ ได้รับการปลูกฝังมาตลอดจากคุณตา คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ คือการอุปการะนักเรียน นักศึกษาที่มีโอกาสน้อยกว่า” เธอเล่าด้วยความภาคภูมิใจ
การเป็นผู้ให้ของคุณจ๊าดไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียว แต่หล่อหลอมมาจากครอบครัวที่เชื่อมั่นในพลังของการศึกษา ตั้งแต่เด็ก เธอได้เห็นครอบครัวช่วยเหลือเด็ก ๆ โดยไม่จำเป็นต้องรู้จักเป็นการส่วนตัว เพราะทุกคนในครอบครัวเชื่อมั่นว่าการลงทุนในเด็กคือการลงทุนในอนาคตของประเทศชาติ เมื่อครั้งเธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยและก้าวเข้าสู่วัยทำงาน การตัดสินใจอุปการะเด็กผ่านมูลนิธิศุภนิมิตฯ จึงเป็นสิ่งที่เธอตั้งมั่นทำเป็นอันดับแรก ๆ เมื่อเริ่มมีรายได้เป็นของตนเอง
เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว สื่อออนไลน์ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย คุณจ๊าดได้รู้จักมูลนิธิศุภนิมิตฯ ผ่านช่องทางดิจิทัลในยุคแรกเริ่ม “ตอนนั้นสื่อออนไลน์ยังไม่ได้โดดเด่นมากนะคะ แต่พอได้เข้ามาศึกษาข้อมูล อ่านประวัติขอมูลนิธิศุภนิมิตฯ แล้วรู้สึกว่าเป็นมูลนิธิที่มีความน่าเชื่อถือ” สิ่งที่ชักชวนใจเธอคือความสะดวกของระบบบริจาคผ่านบัตรเครดิตแบบต่อเนื่อง และที่สำคัญกว่านั้นคือความโปร่งใสในการรายงานผลงาน ด้วยใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสให้เด็กคนหนึ่ง
หนึ่งในช่วงเวลาที่น่าประทับใจที่สุดเกิดขึ้นในปี 2007 เมื่อเธอได้พบกับเด็กในความอุปการะของเธอ “ตอนนั้นมีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรม ได้เจอน้องที่พี่รับอุปการะ ได้พูดคุยกัน รู้สึกว่าน้องเขาก็ดีใจที่ได้เจอเรา มันเป็นความประทับใจ” การได้พบหน้าและพูดคุยกับเด็กที่เธอช่วยเหลือยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าสิ่งที่ทำมีความหมายจริง ๆ เธอรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของใครคนหนึ่ง
พร้อมถ้อยคำกำลังใจที่อยากส่งต่อถึงน้อง ๆ ในความอุปการะว่า “โอกาสจากมูลนิธิศุภนิมิตฯ นี้จะช่วยให้น้อง ๆ สร้างอนาคตที่มั่นคง ทั้งสำหรับตัวเอง ครอบครัว และสังคมได้ เพราะมีผู้อุปการะหลายคนที่ไม่เคยรู้จักน้อง แต่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของน้องและอยากให้น้องเติบโตเป็นคนดี ดังนั้นขอให้เชื่อมั่นในตัวเอง ทำตัวเองให้ดีขึ้นทุกวัน และทำประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย นั่นก็คือการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะทำให้เราผู้อุปการะมีความสุขที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของน้อง”
เรื่องราวของคุณจ๊าด เป็นมากกว่าการเล่าประสบการณ์ของผู้อุปการะคนหนึ่ง แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าการให้คือการได้รับ การช่วยเหลือผู้อื่นคือการสร้างความหมายให้กับชีวิตตนเอง เมื่อคนรุ่นหนึ่งส่งต่อความดีไปยังคนรุ่นต่อไปเรื่อย ๆ เราจะได้เห็นสังคมที่เต็มไปด้วยความหวังและโอกาส สังคมที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้าง และทุกคนได้รับประโยชน์จากพลังแห่งการให้ที่ไม่มีวันหมด


