บ้านไม้หลังเล็กๆ มุงด้วยสังกะสี เป็นสิ่งที่ เด็กชายธีระเดช หรือ น้องพีท คุ้นเคยมาตั้งแต่จำความได้ บ้านซึ่งเขาเติบโตมาพร้อมกับพี่ชายและพ่อแม่มานานกว่า 14 ปี แต่ตอนนี้บ้านหลังน้อยหลังนี้กลับเต็มไปด้วยความชำรุดทรุดโทรม ฝนรั่วเมื่อไหร่ก็ต้องวิ่งหาที่หลบ
พ่อและแม่ของน้องพีทต้องออกไปทำงานรับจ้างก่อสร้างในกรุงเทพฯ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ต้องฝากน้องพีทไว้กับตายาย แม้จะห่วงลูกน้อย แต่ด้วยฐานะที่ยากจนและจำเป็นต้องหาเงินมาจุนเจือครอบครัว พวกเขาจึงจำต้องทำเช่นนั้น
“บ้านหลังเดิมมันทรุดโทรมมากเลยค่ะ” คุณวันวิมล คุณแม่ของน้องพีทเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้า “ฝนตกทีไรก็รั่วซึมไปหมด เวลาลมพายุมาทีก็น่ากลัว”
โชคดีที่ความทุกข์ยากของครอบครัวน้องพีทไม่ได้ถูกมองข้าม มูลนิธิเสริมกล้า และ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้เข้ามาช่วยเหลือ โดยการสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัวนี้ เพื่อให้น้องพีทและครอบครัวได้มีที่อยู่อาศัยที่แข็งแรงปลอดภัย
“ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมีใครมาช่วยเราหรอกค่ะ” คุณวันวิมล กล่าวด้วยความซาบซึ้ง “แต่พอได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิเสริมกล้า และมูลนิธิศุภนิมิตฯ ก็รู้สึกดีใจมากเลยค่ะ ลูกๆ จะได้มีบ้านใหม่ที่แข็งแรง ไม่ต้องกลัวฝนตกอีกแล้ว”
น้องพีทเองก็ตื่นเต้นกับบ้านหลังใหม่ของตัวเองเป็นอย่างมาก “ผมชอบบ้านหลังใหม่มากเลยครับ “ น้องพีท กล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันแข็งแรงกว่าบ้านหลังเก่าเยอะเลย และบ้านหลังนี้เป็นกำลังใจให้ผม ผมจะตั้งใจเรียนครับ”
นอกจากน้องพีทและครอบครัวแล้ว คุณชุติมา หรือ แม่คิม อาสาสมัครศุภนิมิตฯ ที่เป็นผู้ประสานงานให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ ก็รู้สึกดีใจไม่แพ้กัน “การได้เห็นครอบครัวน้องพีชได้รับบ้านหลังใหม่ ทำให้รู้สึกภูมิใจและมีความสุขมากค่ะ”
โครงการสร้างบ้านของมูลนิธิเสริมกล้า ไม่เพียงแต่สร้างบ้านให้กับครอบครัวที่ยากจน แต่ยังเป็นการสร้างความหวังและกำลังใจให้กับพวกเขาอีกด้วย เป็นการยืนยันว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่พร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน
บ้านหลังใหม่นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นสัญลักษณ์ของความหวังและโอกาสที่ดีกว่าสำหรับครอบครัวน้องพีท เรื่องราวของครอบครัวน้องพีท เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงพลังของการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เมื่อทุกคนร่วมมือกัน เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้อื่นให้ดีขึ้นได้