ด้วยความเชื่อมั่นว่าพลังของการมีส่วนร่วมจากชุมชนที่หลอมรวมเข้าด้วยกันจะสามารถแก้ไขปัญหาที่กำลังบั่นทอนคุณภาพชีวิต และลดทอนโอกาสเพื่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพของเด็ก โครงการกลไกการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาสำหรับกลุ่มเปราะบาง ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย กำลังเร่งขับเคลื่อนพร้อมหลอมรวมพลังท้องถิ่นในการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษา นำร่องใน 2 พื้นที่ห่างไกล ได้แก่ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ และ อ.อุ้มผาง จ.ตาก
สำหรับการดำเนินงานโครงการฯ พื้นที่ดำเนินงาน อ.อุ้มผาง จ.ตาก เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สอวช. และ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ร่วมกับ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดตาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดตาก และ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดตาก ลงนามในบนทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการครูสอนพิเศษด้านการอ่านออกเขียนได้ พร้อมร่วมประชุมหารือถึงบทบาทของ ‘ภาคีความร่วมมือ’ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการฯ ในพื้นที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาเชิงโครงสร้างในการเข้าถึงบริการและทรัพยากรทางการศึกษา อันส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเปราะบางและเสี่ยงต่อการหลุดออกจากระบบการศึกษา
ดร.วิมลรัตน์ สีสัน ผู้จัดการฝ่ายดำเนินพันธกิจภาคสนามกลุ่มพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง มูลนิธิศุภนิมิตฯ ฉายภาพให้เห็นถึงความร่วมมือที่จะเกิดขึ้น “ภายใต้บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ เรามุ่งเน้นการจัดหาครูสอนพิเศษด้านการอ่านออกเขียนได้ ส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของครู มากกว่านั้นคือ เราจะนำความเชี่ยวชาญของภาคีความร่วมมือออกแบบหลักสูตรเพื่อการพัฒนาศักยภาพการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้สำหรับเด็กพื้นที่สูง-ห่างไกล ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ครู ครูอาสา และผู้สนใจ ในอำเภออุ้มผางได้เข้าร่วมเรียนรู้ด้วย”
ทั้งนี้ อ.อุ้มผาง จ.ตาก เป็นตัวแทนชุมชนในพื้นที่สูง-ห่างไกล ที่ผ่านมาโครงการฯ ได้มีการจัดประชุมเปิดตัวและหารือร่วมกับตัวแทนในระดับอำเภอ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา และชุมชนท้องถิ่น พบว่ารากของปัญหาที่ส่งผลให้เด็กหลุดจากระบบการศึกษาคือ ความห่างไกลและภูมิประเทศที่เป็นพื้นที่ภูเขาสูง ขาดความพร้อมทั้งสภาพแวดล้อมสำหรับการศึกษา และการขาดแคลนบุคลาการด้านการสอน และจากสถิติเด็กหลุดจากระบบการศึกษาที่พบว่า ในพื้นที่จังหวัดตาก เด็ก 1 ใน 3 เป็นเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษาในช่วงอายุ 6-11 ปี หรือเด็กในวัยประถมศึกษา จึงเป็นที่มาของการนำเอานำต้นแบบนโยบาย ครูสอนพิเศษด้านการอ่านออกเขียนได้ จากการศึกษาวิจัย ‘โครงการต้นแบบนโยบายการส่งเสริมการขยับสถานะทางสังคมของประชาชนกลุ่มฐานราก: กลุ่มเด็กและเยาวชน’ ดำเนินงานในปี 2566-2567 (สอวช. และมูลนิธิศุภนิมิตฯ) มุ่งเพิ่มจำนวนครูให้เพียงพอในสถานศึกษา เพื่อสามารถพัฒนาเด็กปฐมวัยให้อ่านออกเขียนได้ มีแรงจูงใจในการศึกษา เพื่อนำไปสู่การลดจำนวนเด็กหลุดจากระบบการศึกษา
“จากความร่วมมือของเครือข่ายในระดับท้องถิ่น โครงการฯ ได้ขยายความร่วมมือไปสู่ระดับจังหวัด เราเล็งเห็นว่าเครือข่ายระดับท้องถิ่นเข้าใจปัญหาและบริบทของพื้นที่ สามารถแก้ไขได้ตรงจุด ขณะที่เครือข่ายระดับจังหวัดจะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยเชื่อมโยงทรัพยากร นโยบาย และภาคส่วนต่างๆ เพื่อเสริมพลัง เมื่อทั้งสองระดับทำงานร่วมกัน จะเกิดการบูรณาการ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาสให้เด็กทุกคนเติบโตและได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน” คุณปลี้มปีติ เหลืองสุวิมล ผู้ประสานงานโครงการฯ กล่าว
การมีส่วนร่วมของชุมชนสู่ความร่วมมือเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและการแก้ไขปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษาสำหรับกลุ่มเปราะบางที่อุ้มผางนี้ จะได้ถูกพัฒนาเป็นต้นแบบต่อยอดสู่การดำเนินงานในพื้นที่สูง-ห่างไกลอื่นๆ ต่อไปด้วย


