เมื่อการให้กลายเป็นพลังเปลี่ยนชีวิต ในงานขอบคุณของมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2025 เสียงเพลงที่เต็มไปด้วยความหวังและความขอบคุณจากใจตัวแทนเด็กและเจ้าหน้าที่มูลนิธิศุภนิมิตฯ ดังก้องไปทั่วห้องประชุม เพื่อส่งถึงผู้ใหญ่ใจดี-ผู้อุปการะที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10, 15, 20 และ 25 ปี เพื่อยืนยันว่า “การให้อย่างต่อเนื่อง” สามารถเปลี่ยนชีวิต ทั้งเด็ก ครอบครัว และชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ดำเนินงานทั่วประเทศของของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ให้ดีขึ้นได้จริง
คุณรสลิน โกแวร์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “การอุปการะเด็กต่างจากการสงเคราะห์ทั่วไป เพราะไม่ใช่แค่ให้เพียงครั้งเดียวในยามจำเป็น แต่คือการร่วมดูแล ส่งเสริม และพัฒนาเด็กให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ”
มูลนิธิศุภนิมิตฯ ทำงานร่วมกับครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้เด็กได้เติบโต พร้อมสนับสนุนการสร้างอาชีพเสริมให้ครอบครัว เตรียมความพร้อมให้ชุมชนเพื่อความยั่งยืน เพราะเชื่อว่า “เด็กทุกคนมีศักยภาพ หากได้รับโอกาสที่ดี เขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและสามารถกลับมาช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป” คุณรสลิน เสริม
เมื่ออดีตเด็กในความอุปการะกลายเป็นแรงบันดาลใจ
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความชื่นชมยินดี และรอยยิ้ม โดยเฉพาะเมื่ออดีตเด็กเล่าถึงเส้นทางชีวิตของพวกเขา อั๋น-ธีรเดช อดีตเด็กในความอุปการะ ที่ปัจจุบันเป็นครูฝึกสอนในโรงเรียนแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ วันนี้เขารับหน้าที่พิธีกรในงานด้วยความมั่นใจ แต่ใครจะเชื่อว่าเขาเคยเป็นเด็กขี้อายมาก่อน เพราะการสนับสนุนของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ทำให้อั๋นได้ค้นพบตัวเอง มั่นใจในการสื่อสาร
มือที่จับไมค์ คำพูดที่ฉะฉาน สายตาที่สอดส่องไปทั่วงาน ในใจอั๋นลึก ๆ แล้ว มีความหวังว่าอยากเจอผู้อุปการะเขาสักครั้งในชีวิต “ผมคาดหวังเสมอว่าสักวันหนึ่งจะได้พบกับผู้อุปการะตัวจริง และในงานนี้ที่มีผู้คนเกือบ 300 คน ผมแอบหวังลึก ๆ ว่า อาจมีใครบางคนในนั้นที่เป็นผู้อุปการะของผม นั่งมองผมทำหน้าที่พิธีกรอยู่ตรงนี้ ยิ้มและภูมิใจในตัวเด็กคนนี้ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเลือกสนับสนุน”
พร้อมเล่าต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือต่อว่า “ผมไม่รู้ว่าท่านคือใคร แต่ขอบคุณจริง ๆ ครับ การสนับสนุนจากท่านจนถึงทุนการศึกษาในโครงการส่งน้องจบ ป.ตรี ทำให้ผมสามารถเรียนจบมีใบปริญญาตรีใบแรกของบ้านและตระกูลได้จริง ๆ ครับ”
เช่นเดียวกับ จอห์น-ลาหู่ อดีตเด็กในความอุปการะที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิศุภนิมิตฯ เขายืนอยู่ในงานวันนั้นด้วยความภาคภูมิใจ ปัจจุบันจอห์นเรียนจบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา เป็นคนเดียวในครอบครัวที่ได้เรียนจนถึงระดับปริญญาตรี การสนับสนุนจากผู้อุปการะไม่เพียงเปลี่ยนชีวิตเขา แต่สนับสนุนให้ทั้งครอบครัวมีอาชีพ มีรายได้
จอห์นเล่าว่า- แม้บ้านไม่สามารถส่งเสียให้เรียนต่อได้ แต่ทุนการศึกษาผ่านโครงการส่งน้องจบป.ตรี จากมูลนิธิศุภนิมิตฯ ช่วยให้เขาได้เรียนต่อระดับปริญญาตรี โดยได้รับการสนับสนุนค่าเทอม ที่พัก และอุปกรณ์การเรียน รวมไปถึงทักษะภาวะผู้นำที่ได้เรียนรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของมูลนิธิฯ ถูกนำไปใช้ในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างเต็มที่ –
จากโอกาสที่เขาได้รับ เขาเรียนรู้ที่จะตอบแทนสู่สังคม จากประสบการณ์ปัญหายาเสพติดในครอบครัว เขานำมาพัฒนาเป็นโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติดและยุติความรุนแรงต่อเด็กในชุมชน จอห์นยังมีโอกาสร่วมงานกับมูลนิธิศุภนิมิตฯ ในการออกแบบ-หน้าแอปพลิเคชัน WV Connect ที่เชื่อมโยงผู้อุปการะกับเด็กในความอุปการะให้ใกล้กันมากขึ้น
“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือผลจากการสนับสนุนของทุกท่าน หากไม่มีท่านสนับสนุน- ผมคงไม่ได้รับโอกาสพัฒนาศักยภาพจนเป็นแกนนำได้ตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับนานาชาติ ส่ิงที่ได้รับทำให้ผมตระหนักว่า เมื่อได้โอกาสแล้ว เราต้องคืนกลับสู่สังคมเพื่อพัฒนาให้สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้นต่อไป” จอห์น กล่าวทิ้งท้ายด้วยความภูมิใจ
25 ปี แห่งการให้อย่างต่อเนื่อง
คุณสว่างจิตร์ ไตรเจริญวิวัฒน์ เล่าว่า “เราเชื่อว่าเด็กควรได้รับการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวยากไร้ เพราะการช่วยแค่ครั้งเดียว ไม่เพียงพอให้เขาอยู่รอดหรือเรียนจบได้จริง ๆ ต้องมีใครสักคนคอยสนับสนุนอยู่เสมอ”
จุดเริ่มต้นของการช่วยเหลือของคุณสว่างจิตร์มาจากการแนะนำให้รู้จักโครงการอุปการะเด็กของน้องสาว เธอจึงเริ่มต้นช่วยเหลือเด็กผ่านทางมูลนิธิศุภนิมิตฯ และก็ทำมาตลอดจนถึงวันนี้ พร้อมเล่าเสริมว่า “การจะสร้างประเทศให้เข้มแข็งได้ต้องเริ่มจากครอบครัวเล็ก ๆ ถ้าครอบครัวลำบาก เด็กจะเติบโตอย่างมีคุณภาพได้อย่างไร บ้านควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยและอบอุ่นสำหรับเขาก่อน เราจึงตั้งใจช่วยเด็ก ๆ เท่าที่ทำได้ แม้ไม่มาก แต่ให้ต่อเนื่อง เพื่อเป็นพลังใจให้เขามีแรงเดินต่อ ”
เมื่อถามถึงความรู้สึกหลังจากผ่านมา 25 ปี คุณสว่างจิตร์ ตอบด้วยรอยยิ้ม “แปลกใจเหมือนกันว่า 25 ปีแล้วเหรอ? เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ ดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการให้ แม้ไม่มากนัก แต่ภูมิใจและมีความสุขที่ได้อยู่ตรงนี้”
งานครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การมอบโล่หรือกล่าวคำขอบคุณธรรมดา แต่เป็นการยืนยันให้เห็นว่า การให้อย่างต่อเนื่องสร้างวงจรแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ไม่่สิ้นสุด เด็กที่เคยรับการช่วยเหลือวันนี้กลายเป็นคนที่มีคุณภาพในสังคม การอุปการะเด็กที่ยั่งยืน คือการมอบโอกาส ปลูกฝังความหวัง และสร้างความเชื่อมั่นให้เด็กเห็นว่า ‘มีใครบางคนเชื่อในตัวเขา และให้เขาเชื่อในตัวเองว่าเขามีคุณค่า มีศักยภาพ’ ไม่เพียงเปลี่ยนชีวิตตนเอง แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างได้ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ขอขอบคุณผู้อุปการะทุกท่านที่เดินทางร่วมกับเรา และให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง การช่วยเหลือจากทุกมือ เงินทุกบาททุกสตางค์ เปลี่ยนแปลงชีวิตเด็ก ครอบครัว และชุมชนยากไร้ให้ดีขึ้นได้ นี่คือพลังแท้จริงของการให้ที่ไม่หยุดนิ่ง เป็นการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและขยายวงกว้างไปสู่สังคมทั้งหมด