เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2025 บรรยากาศแห่งความภูมิใจและความซาบซึ้งเต็มใน งานส่งต่อโครงการพัฒนาชุมชนเป็นพื้นที่แบบพึ่งตนเองและยั่งยืนดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร
จากความท้าทายสู่ความสำเร็จหากย้อนกลับไปเมื่อปี 2001 ชุมชนดงหลวงเผชิญกับปัญหาการศึกษาอย่างหนัก โดยมีเด็กที่ได้รับโอกาสศึกษาต่อเพียง 8.35% เท่านั้น ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยได้ศึกษาผลกระทบจากการสร้างสะพานไทย-ลาว แห่งที่ 2 ระหว่างปี 2002-2003
จากการศึกษาข้อมูลทั้ง 7 อำเภอของจังหวัดมุกดาหาร มูลนิธิศุภนิมิตฯ จึงตัดสินใจเลือกอำเภอดงหลวงเป็นพื้นที่นำร่อง และเริ่มดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนเป็นพื้นที่แบบพึ่งตนเองและยั่งยืนในปี 2004 โดยครอบคลุม 4 ตำบล 43 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลดงหลวง หนองแคน พังแดง และกกตูม
สิ่งที่ทำให้โครงการประสบความสำเร็จก็คือกระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม ดังที่ นายขรรค์เพชร หัวคำ ผู้จัดการโครงการพัฒนาฯ อธิบายว่า “น้ำใจจากผู้อุปการะคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้โครงการสามารถเชื่อมโยงหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งรัฐ เอกชน ครู ผู้นำชุมชน รวมถึงเครือข่ายประชาชน เพื่อร่วมกันพัฒนาเด็ก ครอบครัว และชุมชน”
การทำงานแบบบูรณาการนี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในหลายมิติ อย่างที่ นายมนตรี ลาดนาเลา รองผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร กล่าวถึงความสำเร็จว่า “เด็กได้รับโอกาสทางการศึกษา เยาวชนได้รับการพัฒนาทักษะชีวิตและมีทักษะอาชีพ ผู้ปกครองมีความเข้มแข็งด้านอาชีพและรายได้ สามารถเลี้ยงดูลูกได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการมีกลุ่มอาชีพที่คอยสนับสนุนต่อไป”
ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตหลังจากดำเนินงานต่อเนื่องมา 21 ปี ผลสำเร็จที่เกิดขึ้น นายขรรค์เพชรเผยด้วยความภาคภูมิใจว่า “เด็กที่ดงหลวงมีสัดส่วนการศึกษาต่อ 85% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีเพียง 8.35%” นอกจากนี้ยังมีผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนกว้างขึ้น โดยมีเด็ก ครอบครัว และชุมชนได้รับการพัฒนามากกว่า 25,000 คน ไม่เพียงแต่เด็ก ๆ ในพื้นที่จะได้รับประโยชน์เท่านั้น แต่ครูและผู้บริหารสถานศึกษาที่ดงหลวงยังกลายเป็นวิทยากรส่งต่อความรู้การอ่านออกเขียนได้ให้กับเครือข่ายครูทั่วประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความยั่งยืนด้านคุณภาพการศึกษาที่เกิดขึ้น
เข้าสู่วันแห่งการส่งต่อและความประทับใจ ในงานส่งต่อโครงการครั้งนี้ Mr. Alonzo Lee ผู้จัดการฝ่ายคุณภาพการดำเนินพันธกิจภาคสนาม กล่าวด้วยความซาบซึ้งว่า “ขอชื่นชมในความทุ่มเทและเสียสละ ความร่วมมือกันในทุกภาคส่วน ถือเป็นความสำเร็จร่วมกัน จึงได้จัดงานเพื่อกล่าวคำอำลาด้วยรัก”
บรรยากาศในวันนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น เมื่อตัวแทนอดีตเด็กในโครงการได้ยืนขึ้นกล่าวขอบคุณ พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวแทน แต่เป็นเครื่องพิสูจน์ที่มีชีวิตของความสำเร็จของโครงการ การมอบเกียรติบัตรให้กับหน่วยงานหุ้นส่วน การแสดงของเด็กนักเรียน และการเยี่ยมชมนิทรรศการของโรงเรียนและกลุ่มอาชีพ ทุกอย่างเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่าชุมชนดงหลวงได้เติบโตเป็นชุมชนที่เข้มแข็งและพร้อมจะเดินหน้าต่อไปด้วยตนเอง
“น้ำใจจากผู้อุปการะและผู้บริจาคคือสายธารที่หล่อเลี้ยงให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอด 21 ปี” นายขรรค์เพชรกล่าวทิ้งท้ายด้วยความรู้สึกขอบคุณ ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จที่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน และทำให้ชุมชนดงหลวงสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง
การทำงานที่ดงหลวงพิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ความมุ่งมั่นและน้ำใจมาบรรจบกัน การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนสามารถเกิดขึ้นได้จริง และวันนี้ ดงหลวงไม่ได้เป็นเพียงชื่อของพื้นที่อีกต่อไป แต่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและต้นแบบการพัฒนาชุมชนที่พึ่งพาตนเองได้
การจากลาครั้งนี้ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่ชุมชนดงหลวงจะเดินทางต่อไปด้วยพลังและความเข้มแข็งที่พวกเขาได้สร้างขึ้นเอง


