วุฒิชัย เด็กชายวัย 8 ปี ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ย้อนกลับไปเมื่อเขาอายุ 4 ปี วุฒิชัยต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล ในวันนั้น คุณแม่พาเขาไปร่วมงานขึ้นบ้านใหม่ของเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นงานที่มีการเลี้ยงอาหารแก่แขกที่มาร่วมงาน ระหว่างที่คุณแม่กำลังช่วยงานอยู่ วุฒิชัยวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ ด้วยความซุกซนตามวัย ทว่าเขาเกิดพลัดตกลงไปในหม้อต้มน้ำร้อนที่เพิ่งยกลงจากเตาไม่นาน เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้วุฒิชัยได้รับบาดเจ็บสาหัส
วุฒิชัยเป็นลูกคนที่สองในครอบครัวที่ประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 6 คน ซึ่งรวมถึงตาและยาย ครอบครัวของเขาประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยทำสวนมะเขือเทศและทำนา รายได้ต่อปีประมาณ 50,000 บาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดูแลสมาชิกในครอบครัว อีกทั้งยังต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลวุฒิชัยที่เพิ่มขึ้นมาอีก

หลังจากวุฒิชัยประสบอุบัติเหตุพลัดตกลงไปในหม้อต้มน้ำร้อน จนเกิดบาดแผลน้ำร้อนลวกบริเวณหลัง แขน และขา ครอบครัวได้นำส่งเขาไปยังโรงพยาบาลอมก๋อย ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอขนาดเล็ก แต่เนื่องจากบาดแผลรุนแรงเกินความสามารถของโรงพยาบาล ทีมแพทย์จึงส่งตัวเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านกว่า 200 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางถึง 5 ชั่วโมง
ในปีแรกของการรักษา วุฒิชัยต้องเดินทางไปรักษา ผ่าตัด และล้างแผลทุกสัปดาห์ แม้ครอบครัวจะได้รับการช่วยเหลือด้านค่ารักษาจากภาครัฐ แต่ค่าเดินทางและค่าอาหารกลับกลายเป็นภาระหนักที่ครอบครัวเกษตรกรผู้มีรายได้เพียง 50,000 บาทต่อปีต้องแบกรับ ซึ่งหลังจาก 1 ปี ที่รับการรักษา วุฒิชัยยังต้องเดินทางไปรักษาพยาบาลเดือนล่ะ 1 ครั้ง เป็นประจำ

“ตอนนั้นครอบครัวเครียดมาก เพราะการพาลูกไปรักษาแต่ละครั้งต้องใช้เงินถึง 5,000 บาท ซึ่งรวมถึงค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เราแทบไม่มีเงินเหลือ หลายครั้งต้องขอยืมเพื่อนบ้านเพื่อให้พอเป็นค่าเดินทาง” นางสาวลูยา คุณแม่ของวุฒิชัย กล่าว
ปัจจุบันแผลน้ำร้อนลวกของน้องวุฒิชัยหายดีเกือบทั้งหมด เหลือเพียงรอยแผลเป็น เมื่อไม่นานมานี้ น้องได้เข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งเพื่อรักษาเนื้อเยื่อบริเวณขาหนีบ ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุเดิม ขณะนี้ น้องอยู่ในช่วงพักฟื้นเพื่อให้แผลผ่าตัดหายสนิท การรักษาครั้งนี้จะช่วยให้น้องกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ วิ่งเล่นและออกกำลังกายร่วมกับเพื่อนได้เหมือนเด็กทั่วไป

“ความช่วยเหลือจากผู้สนับสนุนและมูลนิธิศุภนิมิตฯ ทำให้ครอบครัวเรามีภาระเบาลงเยอะมากค่ะ ตอนนี้เวลาเราต้องพาน้องไปโรงพยาบาล เราไม่เครียดเหมือนเมื่อก่อน เพราะเรามีค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายเพียงพอ ทำให้น้องได้รับการรักษาจนหายดี หากไม่ได้ความช่วยเหลือนี้ แม่ไม่รู้เลยว่าครอบครัวเราจะผ่านความลำบากครั้งนี้มาได้ยังไง ขอบคุณผู้สนับสนุนมาก ๆ ค่ะ” คุณแม่ลูยา กล่าวด้วยความซาบซึ้ง
“ผมอยากขอบคุณครับที่เข้ามาช่วยเหลือผม ตอนนี้แผลใกล้จะหายดีแล้วครับ ผมมีความสุขมาก ๆ ได้กลับไปโรงเรียน ได้เรียนหนังสือ ได้เล่นกับเพื่อน ๆ โตขึ้นผมอยากเป็นครูสอนวิชาภาษาไทยครับ” น้องวุฒิชัย กล่าวด้วยรอยยิ้ม